กรุงเทพฯ 26 ม.ค.-ผู้ว่ากนอ.เร่งตรวจสอบเหตุน้ำมัน ของ เอสพีอาร์ซี รั่วไหลนิคมมาบตาพุด พบว่ามีปริมาณน้ำมันหลงเหลืออยู่ในทะเลประมาณ 20 ตันหรือราว 2 หมื่นลิตร เร่งกำจัดโดยด่วน ป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อม
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่าได้ นำทีมลงพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดจังหวัดระยอง เพื่อประชุมตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสาเหตุและแนวทางป้องกันการรั่วไหลของน้ำมันดิบ จากท่อใต้ทะเลของทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล ในบริเวณมาบตาพุด ของบริษัทสตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือเอสพีอาร์ซี เบื้องต้นได้รับรายงานว่า เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์การรั่วไหลของน้ำมันได้แล้ว โดยมีการใช้ทุ่นลอยล้อมคราบน้ำมันดิบที่รั่วไหลออกมา แต่ทั้งนี้ยังมีความคลาดเคลื่อนในเรื่องของตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบที่รั่วไหล ซึ่งตามข่าวรายงานว่า มีปริมาณ 4 แสนลิตร ขณะที่ในพื้นที่แจ้งมาว่า น้ำมันรั่วและหลงเหลือในทะเลรวม 20 ตัน หรือประมาณ 2 หมื่นลิตร โดยหลังประชุมรับฟังรายงานข้อเท็จจริง ในช่วงบ่าย ตนจะลงพื้นที่ไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุน้ำมันรั่วไหลกลางทะเล
ด้าน เอสพีอาร์ซี ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 3 (วันที่ 26 ม.ค. 65 เวลา 11.30 น. ) ว่าตามที่บริษัทฯ แจ้งเหตุน้ำมันดิบรั่วบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล (SPM) ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 20 กิโลเมตร เมื่อเวลา 21.06 น. วันที่ 25 มกราคม 2565 บริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพเรือภาคที่ 1 ด้วยการใช้เครื่องบินกองทัพเรือบินลาดตระเวณเพื่อดูสำรวจการเคลื่อนที่ของน้ำมัน พบว่ามีปริมาณน้ำมันหลงเหลืออยู่ในทะเลประมาณ 20 ตัน นอกจากนี้ ยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสมาคมอนุรักษ์สภาพแวดล้อมของกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมัน (IESG) ในการช่วยเหลือน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน และอุปกรณ์ขจัดคราบน้ำมัน และบริษัทฯได้ประสานงานจาก บริษัท Oil Spill Response Limited (OSRL) ณ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งขณะนี้กำลังส่งผู้เชี่ยวชาญเดินทางมาให้ความช่วยเหลือโดยทันที
บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถขจัดและเก็บคราบน้ำมันได้ทั้งหมดภายในไม่ช้า อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้จัดส่งทีมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด
สำหรับการดำเนินงานของโรงกลั่นน้ำมัน บริษัทฯ ยังสามารถเดินเครื่องได้ตามปกติโดยไม่มีผล กระทบจากอุบัติการณ์ดังกล่าว หากมีความคืบหน้า บริษัทฯ จะรายงานสถานการณ์ให้ทราบเป็นระยะจนกว่าสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปริมาณน้ำมันหลงเหลืออยู่ในทะเลประมาณ 20 ตัน หรือ ประมาณ24,197 ลิตร ในขณะที่ กระทรวงพลังงาน ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมเรื่องอุปกรณ์การช่วยเหลือหากเอกชนร้องขอ.-สำนักข่าวไทย