18 ม.ค. – หนุ่มร้องมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมฯ หลังถูกมิจฉาชีพสวมรอยขอออกซิมมือถือใหม่ สูญเงินเกือบ 70,000 บาท
นายกิตติณัฐ อายุ 37 ปี พนักงานบริษัทสำรวจน้ำมันแห่งหนึ่ง ขอความช่วยเหลือจากมูลมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม โดยเล่าว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 ม.ค. เวลาประมาณ 19:30 น. ที่ผ่านมา โทรศัพท์มือถือส่วนตัวถูกตัดสัญญาณ ใช้งานไม่ได้ ตอนนั้นคิดเพียงว่าเสาสัญญาณอาจมีปัญหาจึงไม่ได้คิดอะไร จึงได้ใช้โทรศัพท์เชื่อมต่อกับ wifi ที่บ้าน หลังจากผ่านไป 3 นาที ก็มีข้อความส่งมาว่ามีการใช้จ่ายบัตรเครดิตผ่านออนไลน์ 3 ครั้ง มูลค่าเกือบ 70,000 บาท ครั้งแรกในเวลา 19.33 น. จำนวน 46,964 บาท ครั้งที่ 2 และ 3 เวลา 19.41 น. และ 19.42 น. ครั้งละ 10,000 บาท
ตนจึงโทรติดต่อไปยังเจ้าของเครือข่ายสัญญาณสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ได้รับคำตอบว่า ก่อนหน้านี้มีลูกค้าคนหนึ่งเดินเข้ามาที่ศูนย์บริการ จ.กระบี่ ขอออกซิมใหม่เบอร์เดิม ตนจึงขอให้ทางเจ้าของเครือข่ายสัญญาณเก็บข้อมูลหลักฐาน และขอให้ระงับเครือข่ายไว้ก่อน ในเวลา 21.00 น. ของคืนวันนั้น ตนก็วางใจและคิดว่าตอนเช้าวันรุ่งขึ้นจะไปเดินเรื่องให้แล้วเสร็จ แต่ต่อมาเวลา 04.00 น. ในคืนเดียวกัน มีการใช้งานซิมนั้นอีกครั้ง โดยมีข้อความเตือนมาว่า สามารถเข้าระบบบัตรเครดิตอีกใบสำเร็จ ตนจึงโทรสอบถามไปยังเจ้าของเครือข่าย ได้รับคำตอบว่า มีคนมาขอให้เปิดใช้สัญญาณซิม และเจ้าหน้าที่ก็อนุญาต ตนจึงรู้สึกโมโห จึงโวยวายไป เพราะเจ้าหน้าที่อนุญาตให้ใช้ซิมทั้งที่ยังอยู่ในขั้นตอนการร้องเรียน ตนจึงขอให้ทางเจ้าของสัญญาณระงับสัญญาณอีกครั้ง และตอนเช้าของวันที่ 13 ม.ค. ก็ได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.บางเขน และไปร้องเรียนศูนย์เครือข่ายใกล้บ้าน และขอออกซิมใหม่ให้ดึงสัญญาณกลับมาที่มือถือตน
ผู้เสียหายยังบอกอีกว่า ที่มิจฉาชีพเอาเงินไปได้เกือบ 70,000 บาท เพราะวงเงินในบัตรเต็ม แต่ถ้ามีเยอะกว่านี้ ก็คงจะเสียมากกว่านี้ จากนั้นทางผู้เสียหายได้โทรไปขอหลักฐานจากทางเจ้าของเครือข่าย ก็ได้หลักฐานมาว่า มีชายหญิงคู่หนึ่ง เดินทางไปยังสาขาที่ จ.กระบี่ จริงๆ โดยได้ยื่นบัตร ปชช. ให้เจ้าหน้าที่ โดยข้อมูลในบัตรเป็นข้อมูลของตนทั้งหมด ยกเว้นรูปบัตรที่เป็นรูปคนร้าย แต่พอมาจับสังเกต ชื่อที่สะกดภาษาอังกฤษ วันออกบัตร ผู้ออกบัตร ข้อมูลไม่ตรงกัน คาดว่ามิจฉาชีพปลอมบัตรประชาชน เพื่อไปขอออกซิมการ์ดใหม่
ผู้เสียหาย ยังบอกอีกว่า จากการพูดคุยกับผู้จัดการสาขากระบี่ แจ้งว่า พนักงานไม่ได้ดูบัตรตัวจริง เป็นแค่การดูภาพจากโทรศัพท์มือถือ พอเห็นว่ารูปบัตรกับคนที่มายื่นตรงกัน จึงอนุญาตเปิดซิมใหม่ได้ แต่ตนไม่เข้าใจว่า ซิมการ์ดมีการเปิดใช้งานล่าสุดที่เขตหลักสี่ กทม. แต่มิจฉาชีพไปขอเปิดซิมใหม่ที่ จ.กระบี่ ทำไมพนักงานถึงไม่เอะใจ และสาเหตุที่ออกซิมการ์ดใหม่คือ “ซิมการ์ดสูญหาย” แต่ในความจริงซิมการ์ดไม่ได้หาย แต่ทางเครือข่ายฯมาตัดสัญญาณในโทรศัพท์ตน และออกซิมใหม่ให้ใครไม่รู้
จึงอยากฝากไปถึงเครือข่ายสัญญาณว่า อยากให้ตรวจสอบเอกสารตัวจริง และการใช้ซิมล่าสุดว่าสอดคล้องกับการขอออกซิมใหม่หรือไม่ และอยากให้ทางเครือข่ายรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดผู้ที่ฉ้อโกง ที่ทำให้ลูกค้าเสียเวลา และเสียชื่อเสียง พร้อมลดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดให้กับตนที่เป็นผู้เสียหาย และอยากให้พิจารณาบทลงโทษพนักงานที่อนุญาตให้เปิดซิมใหม่ และพนักงานที่เปิดใช้งานสัญญาณในขณะที่มีการร้องเรียน เพราะอาจจะไม่ได้ทำตามระเบียบของบริษัท หรืออาจจะที่บกพร่องต่อหน้าที่
โดยในวันนี้ทางมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม จะพาผู้เสียหายไปให้ข้อมูลกับทาง สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป .-420-สำนักข่าวไทย