กทม.18 ม.ค.-“จิรายุ” กางไทม์ไลน์ร่างกฎหมาย Entertainment Complex ถ้าใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน ย้ำจำเป็นต้องทำ เพื่อควบคุมธุรกิจใต้ดิน ค้ามนุษย์ ไม่ให้เงินทองไหลออกนอกประเทศ ประเมินนักท่องเที่ยวปีนี้อาจแตะ 38 ล้านคน หลังลดลงช่วงโควิด
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเสียงจากใจไทยคู่ฟ้า โดยเน้นย้ำถึง ประเด็น Entertainment Complex ที่ คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบ อนุมัติหลักการ ร่าง พ.ร.บ. ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ซึ่งได้ พิจารณา 3 ประเด็นหลักคือ รับทราบรายงานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เกี่ยวกับการจับกุมเรื่องการพนันทั้งในและต่างประเทศจำนวนมาก ที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์และทุจริตคอรัปชั่น รวมถึงการพนันออนไลน์ใต้ดิน ซึ่งตามข้อเท็จจริงรอบบ้านของเรามีจำนวนมาก และถ้าเราไม่ทำจะไม่สามารถควบคุมธุรกิจใต้ดิน ค้ามนุษย์ได้ เงินทองไหลออกนอกประเทศเกิดความวุ่นวาย การทำ Entertainment Complex ไม่ใช่คาสิโนเพียงอย่างเดียว แต่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยยกตัวอย่าง ที่ประเทศสิงคโปร์ ทำจุดถ่ายรูป ที่พัก มีคาสิโนเพียงเล็กน้อย
นายจิรายุยังไล่เรียงขั้นตอนว่าหลังจากนี้จะส่งให้สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาวาระแรกคือรับหลักการ หากรับก็จะตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 30-40 คนพิจารณารายมาตรา ใช้เวลา 1-2 เดือน เพิ่งจะเขียนกติกาให้คนไทย เข้าใช้บริการได้หรือไม่ ควบคุมกลไกต่างๆที่จะขึ้นมาอยู่บนดิน ก่อนจะ เข้าสู่การพิจารณาเพื่อลงมติวาระ 3 หากผ่านจะส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณา หากผ่าน3วาระก็จะส่งกลับมาสภาเพื่อนำไปสู่กระบวนการประกาศใช้ กฎหมาย จะมีความชัดเจน ในส่วนของรายละเอียด คณะกรรมการการดูแลผลกระทบเรื่องของเงิน ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีก 6 เดือน
นายจิรายุยังระบุ ถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยการปัญหาการท่องเที่ยว ซึ่งพบข้อมูลว่าก่อนการแพร่ระบาดของโควิดมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทย กว่า 40 ล้านคน เมื่อปีที่แล้วมีประมาณ 36 ล้านคน และปีนี้น่าจะแตะ 37- 38 ล้านคน แต่ขณะนี้มีกระแสข่าวกรณีนักท่องเที่ยว ชาวจีนซึ่งน่าจะเป็นกรณีจีนหลอกจีน และมีไอโอที่จีนไปโฆษณากันเยอะว่าเมืองไทยน่ากลัว แต่นักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาจริงยืนยันไม่น่ากลัว อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ามีผลกระทบ ซึ่งนายกรัฐมนตรีกำชับให้ส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากระทรวงการต่างประเทศ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดูแลเรื่องนี้อย่างเต็มที่.-319.-สำนักข่าวไทย