กองทัพเรือ 23 ม.ค. – กองทัพเรือเร่งตรวจสอบคราบน้ำมัน กรณีเรือบรรทุกน้ำมัน 5 แสนลิตร อับปางกลางอ่าวไทย
พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา เวลา 19.15 น. ศูนย์ปฏิบัติการทัพเรือภาคที่ 1 ได้รับแจ้งว่า เรือบรรทุกน้ำมันดีเซล ชื่อ ป. อันดามัน 2 ซึ่งจอดทอดสมอและอับปางลง บริเวณ แลต.10 องศา 35.06 ลิปดา น. ลอง.99 องศา 38.35 ลิปดา อ. (ระยะห่างจากปากน้ำชุมพรประมาณ 24 ไมล์ทะเล) โดยภายในเรือมีน้ำมันอยู่ประมาณ 5 แสนลิตร
ทั้งนี้ พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ได้สั่งการให้เรือ ต.114 พร้อมอากาศยานจากกองการบินทหารเรือ ออกปฏิบัติการในการเข้าพื้นที่และวางทุ่นป้องกันอันตรายจากเรือที่ใช้เส้นทางคมนาคมในทะเล รวมถึงระมัดระวังน้ำมันที่อาจจะรั่วไหลเพิ่มเติมออกมา ตลอดจนตรวจสอบว่า คราบน้ำมันมีทิศทางการไหลเคลื่อนที่และขยายตัวไปในทิศทางที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ชายฝั่งหรือไม่ รวมถึงสั่งการให้หน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือ เตรียมความพร้อมในการสนับสนุนการขจัดคราบน้ำมัน พร้อมทั้งประสานกรมเจ้าท่า ในการดำเนินการจำกัดพื้นที่ของน้ำมันที่รั่วไหล และพร้อมดำเนินการกู้เรือต่อไป (ตามระดับของ Teir) และประสานงานกับศูนย์อำนวยการรักษาความมั่นคงทางทะเล จังหวัดชุมพร และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อแจ้งเตือนผลกระทบจากการรั่วไหลของน้ำมันดังกล่าว
โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้น เรือ ป.อันดามัน 2 มีนายวายุ หมอยาดี เป็นนายเรือ มีลูกเรือจำนวน 5 นาย ซึ่งทั้งหมดปลอดภัย โดยได้รับการช่วยเหลือจากเรือวีนัส 21 ซึ่งเป็นเรือที่จ่ายน้ำมันให้กับเรือ ป.อันดามัน 2 ก่อนที่เรือ ป.อันดามัน 2 จะจม โดยในขณะนี้ได้มีการประสานกับบริษัท ไทยแหลมทองค้าน้ำมันประมง จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของเรือ ให้รับทราบ รวมถึงเตรียมยาสลายคราบน้ำมัน กรณีเกิดน้ำมันรั่วไหล พร้อมทุ่นรับน้ำมันบริเวณเรือจม รวมถึงทำการกู้เรือต่อไป
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบในเบื้องต้นจากการลาดตระเวนของอากาศยาน พบคราบน้ำมันลอยเป็นแนวยาวประมาณ 10 กิโลเมตร โดยมีความกว้างประมาณ 100-200 เมตร เคลื่อนที่ขึ้นไปทางทิศเหนือ ซึ่งจากการประเมินสถานการณ์ ระดับความรุนแรงอยู่ในระดับที่ 1 (Tier 1) ซึ่งหากพบว่าการรั่วไหลของน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นระดับที่ 2 (Tier 2) ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือจะสั่งจัดตั้งศูนย์ควบคุมการขจัดคราบน้ำมัน ทัพเรือภาคที่ 1 ต่อไป
มีรายงานล่าสุดว่า จากการตรวจสอบคราบน้ำมันที่กระจายตัว พบว่า ลักษณะของน้ำมันเป็นฟิล์มน้ำมันบางๆ การปล่อยให้สลายตัวตามธรรมชาติจะมีความเหมาะสม เนื่องจากชนิดของน้ำมันที่รั่วไหลสามารถสลายตัวเองได้ดีในธรรมชาติ แต่ยังต้องมีการติดตามและเฝ้าระวังผลกระทบของคราบน้ำมันว่าจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมบริเวณใกล้เคียงในลักษณะใดบ้าง เพื่อหาวิธีแก้ไขที่เหมาะสมต่อไป คือ การกักและเก็บทำได้โดยใช้ทุ่นน้ำมัน (Boom) จำกัดขอบเขตการแพร่กระจายของน้ำมันเอาไว้ ตอนที่กู้เรือ สำหรับใช้สารเคมีขจัดคราบน้ำมันเป็นวิธีการที่ใช้สารเคมีขจัดคราบน้ำมันบนผิวน้ำได้ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งต้องทำภายใน 24 ชม. เมื่อเกิดเหตุจากชนิดของน้ำมันในครั้งนี้ คือ ดีเซล ซึ่งจัดเป็นน้ำมันเบา
โฆษกกองทัพเรือ ยืนยันว่า กองทัพเรือมีความพร้อมทั้งยุทโธปกรณ์และกำลังพล ในการขจัดคราบน้ำมันในทะเล โดยความคืบหน้าทางกองทัพเรือจะรายงานให้ทราบต่อไป. – สำนักข่าวไทย