กรุงเทพฯ 17 ม.ค. – อธิบดีกรมควบคุมมลพิษระบุ ตั้งแต่วันที่ 18-20 ม.ค. ฝุ่นละออง PM2.5 จะสะสมมากขึ้นอีกครั้งเนื่องจากสภาพอากาศปิด วอนผู้ใช้รถตรวจสอบสภาพรถไม่ให้ก่อควันดำซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการปลดปล่อยฝุ่น PM2.5 และเพิ่มจุดตรวจทั้งในถนนสายหลัก-สายรองทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) และผู้อำนวยการศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) เปิดเผยว่า ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ คาดการณ์ 7 วันข้างหน้า แนวโน้มฝุ่นละออง PM2.5 จะสูงขึ้นอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 18 – 20 มกราคมเนื่องจากสภาพอากาศปิดและลมนิ่ง
จากการติดตามตรวจสอบกำกับแหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศทุกประเภทพบว่า ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงเมืองใหญ่นั้น ฝุ่น PM2.5 มีต้นกำเนิดจากการจราจรมากที่สุด โดยผลการตรวจสอบตรวจจับและห้ามใช้รถยนต์ควันดำในปี 2564 ปรากฏว่า รถยนต์ตาม พ.ร.บ. ขนส่งทางบก จากรถที่เรียกตรวจ 234,176 คัน พบควันดำเกินมาตรฐาน 114,888 คัน คิดเป็นร้อยละ 49.06 ส่วนรถยนต์ตาม พ.ร.บ. จราจร จากรถที่เรียกตรวจ 123,640 คัน พบควันดำเกินมาตรฐาน 60,301 คัน คิดเป็นร้อยละ 48.77
ขณะนี้รัฐเพิ่มความเข้มงวดเรื่องการตรวจจับควันดำ “ตรวจจับ ปรับจริง–ห้ามใช้รถควันดำ” โดยบังคับใช้บทลงโทษสูงสุด จะตั้งจุดตรวจสอบตรวจจับรถควันดำทุกประเภทให้ครอบคลุมถนนสายหลัก-สายรอง ทั้งขาเข้า-ออก ใน กทม. และปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดเมืองหลักอีกด้วย
นายอรรถพลยืนยันว่า การตั้งด่านตรวจในแต่ละครั้งแต่ละด่านใช้เครื่องมือที่เป็นมาตรฐานและเจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญการเพื่อเป็นที่ยอมรับในมาตรฐานและความโปร่งใส จึงขอให้ประชาชนเข้าใจเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่และขออภัยหากเกิดปัญหาการจราจรในบางครั้ง รวมทั้งขอให้ประชาชนให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในท่ามกลางฝุ่นควันดำและสภาพอากาศที่มีความร้อนสูง
นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือเจ้าของรถดูแลบำรุงรักษารถยนต์ไม่ให้เกิดควันดำ เพื่อลดการปล่อยมลพิษโดยเฉพาะในช่วงที่ค่าฝุ่น PM2.5 สูงซึ่งสามารถนำรถไปตรวจสภาพซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ตามศูนย์บริการที่เข้าร่วมโครงการ “คลินิกรถ ลดฝุ่น PM2.5” และหากพบรถยนต์ควันดำสามารถแจ้งได้ที่ กรมการขนส่งทางบก โทร. 1584 กองบังคับการตำรวจจราจร โทร. 1197 และกรมควบคุมมลพิษ โทร. 1650 .-สำนักข่าวไทย