ผู้ตรวจการแผ่นดิน 4 ม.ค.-ปธ.ผู้ตรวจการฯ เผยปี 64 กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นถูกร้องเรียนสูงสุด เปิดศักราชปีใหม่เร่งแก้ปัญหาให้ได้ภายใน 24 ชม.
นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินมีสถิติให้คำปรึกษาและรับเรื่องร้องเรียนทางโทรศัพท์สายด่วน 1676 และช่องทางดิจิทัลมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งในปี 2564 มีจำนวนทั้งสิ้น 9,304 เรื่อง ทั้งการหยิบยกเรื่องร้องเรียน ร้องเรียนทางไปรษณีย์ มายื่นเรื่องด้วยตนเอง ยื่นเรื่องผ่านทางโมบายแอปพลิเคชัน www.ombudsman.go.th โดยเฉพาะ Call Center 1676 สูงถึง 6,313 เรื่อง ให้คำปรึกษาและแนะนำ 3,390 เรื่อง ติดตามเรื่องร้องเรียน จำนวน 2,852 เรื่อง ประสานแก้ไขปัญหาเร่งด่วนให้กับผู้ร้องเรียน 52 เรื่อง และรับเป็นเรื่องร้องเรียน 19 เรื่อง
“5 อันดับหน่วยงานที่ถูกร้องเรียนสูงสุด คือ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบจ. เทศบาล และอบต.) เกี่ยวกับปัญหาการก่อสร้างอาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง การให้บริการสาธารณูปโภคและการบุกรุกที่ดินสาธารณะ หน่วยงานถัดมาเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับปัญหาการดำเนินคดีและพฤติกรรมเจ้าหน้าที่ไม่เหมาะสม ส่วนกรมการปกครองในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ถูกร้องเรียนเรื่องการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนและตรวจสอบเรื่องร้องเรียน การจดทะเบียนต่าง ๆ ให้กับประชาชนล่าช้า ปัญหาการให้บริการสาธารณูปโภคและพฤติกรรมไม่เหมาะสม” ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนอีกสองหน่วยงาน คือ กรุงเทพมหานคร เป็นเรื่องการแก้ไขปัญหาการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนล่าช้า ปัญหาการก่อสร้างอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างก่อเหตุเดือดร้อนรำคาญ การให้บริการด้านสาธารณูปโภค และกรมที่ดิน เรื่อง การออกโฉนดที่ดิน/รังวัดที่ดิน/การโอนที่ดิน พฤติกรรมเจ้าหน้าที่ ปัญหาการจัดสรรที่ดิน และปัญหาการบุกรุกที่ดิน ซึ่งหน่วยงานเหล่านี้มีความใกล้ชิดประชาชนมากปัญหาต่าง ๆ จึงเกิดขึ้นง่าย เมื่อผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับเรื่องร้องเรียนยึดหลักการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนแบบกัลยาณมิตร ไม่ได้มุ่งเน้นใครผิดใครถูก แต่เน้นการแก้ไขปัญหา หาความร่วมมือและบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดความสามัคคีและความผาสุกระหว่างหน่วยงานรัฐและประชาชนมากกว่า
“สำหรับปี 2565 ผู้ตรวจการแผ่นดินยังมุ่งเดินหน้าทำงานเชิงรุกตั้งทีมตรวจสอบและปฏิบัติการเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชนที่ร้องเรียนมาอย่างรวดเร็ว ทันเหตุการณ์มากยิ่งขึ้น โดยเรื่องร้องเรียนจะต้องอยู่ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งทีมตรวจสอบและปฏิบัติการเร่งด่วนสามารถลงพื้นที่ได้ทันที เป็นเรื่องที่พิจารณาแล้วว่าหน่วยงานที่ถูกร้องเรียนมีหน้าที่และอำนาจสั่งการแก้ไขปัญหาตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอแนะได้ โดยกำหนดแก้ไขให้แล้วเสร็จภายใน 24 ชั่วโมงหรืออย่างช้าที่สุดไม่เกิน 1 สัปดาห์” ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าว
นายสมศักด์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีเรื่องร้องเรียนเร่งด่วนที่แก้ไขแล้วเสร็จ ได้แก่ กรณีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ดำเนินการแก้ไขน้ำประปาไม่ไหล กรณีพื้นผิวจราจรเป็นหลุมเป็นบ่อไม่มีการซ่อมแซม ทำให้เป็นอันตรายต่อผู้สัญจรไปมา และกรณีการโอนเงินกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการไปยังหน่วยงานต้นสังกัดของผู้ร้องเรียนล่าช้า ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาได้ภายใน 1- 3 วันเท่านั้น “ขอให้เชื่อมั่นว่าผู้ตรวจการแผ่นดินยังคงยืนเคียงข้างประชาชน พร้อมเดินหน้าพัฒนาศักยภาพในการปฏิบัติหน้าที่แก้ไขปัญหา สร้างความเป็นธรรมให้แก่พี่น้องประชาชนอย่างเท่าเทียมแน่นอน” ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าว.-สำนักข่าวไทย