วอชิงตัน 18 ก.ย. – คณะที่ปรึกษาของสำนักงานอาหารและยา หรือ เอฟดีเอ ของสหรัฐ ลงมติเมื่อวานนี้แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่เป็นเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กับชาวอเมริกันอายุ 65 ปีขึ้นไปและผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการป่วยรุนแรง หลังจากที่คณะที่ปรึกษาฯ ลงความเห็นอย่างท่วมท้นไม่เห็นด้วยกับเสียงเรียกร้องให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็นวงกว้าง
คณะที่ปรีกษาของเอฟดีเอ ยังแนะนำว่า เอฟดีเอ ควรจะฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้กับบุคลารทางการแพทย์และผอาชีพที่มีความเสี่ยงที่จะสัมผัสกับเชื้อไวรัสที่ทำให่เกิดโรคโควิด-19 ด้วย เช่น อาชีพครู อย่างไรก็ตาม ทางเอฟดีเอ จะตัดสินใจเรื่องการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ในเร็ว ๆ นี้ แม้เอฟดีเอ จะไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของคณะที่ปรึกา แต่จะนำข้อเสนอแนะไปพิจารณาด้วย ดร. พอล ออฟฟิต ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย และเป็นหนึ่งในสมาชิกของคณะที่ปรึกษาของเอฟดีเอที่ไม่เห็นด้วยกับการฉีดวัคซีนให้ประชาชนอย่างกว้างขวาง กล่าวว่า คำแนะนำของคณะที่ปรึกษาฯ เป็นการก้าวถอยกลับมา 1 ก้าว จากข้อเสนอแนะของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ให้มีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นอย่างกว้างขวางตั้งแต่วันที่ 20 กันยายนนี้เป็นต้นไป เขากล่าวว่า ควรจะใช้วัคซีนเข็มที่ 3 อย่างค่อยเป็นค่อยไป คณะที่ปรึกษาฯ ลงความเห็นด้วยคะแนนเสียง 16 ต่อ 2 ที่ให้ใช้วัคซีนเข็มกระตุ้นอย่างจำกัดกลุ่มและยังไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ของไฟเซอร์/ไบออนเทค ให้กับผู้ที่อายุ 16 ปีขึ้นไปและผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 ไม่เกิน 6 เดือน โดยระบุว่า ต้องการดูข้อมูลด้านความปลอดภัยมากกว่านี้ โดยเฉพาะความเสี่ยงที่จะเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบของกลุ่มคนอายุน้อย ๆ หลังจากรับวัคซีนแล้ว ในขณะเดียวกัน คณะที่ปรึกษาฯ ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ให้ฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้กับชาวอเมริกันสูงอายุและผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง รวมทั้งผู้ที่มีภูมิคุ้มกันลดลงหลังฉีดวัคซีนไปแล้ว.-สำนักข่าวไทย