กรุงเทพฯ 2 ก.ย. – ประธานกรรมการหอการค้าไทย ระบุถึงความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน เดินหน้าฉีดวัคซีนผ่าน 25 ศูนย์ ในช่วงที่ผ่านมา ถือว่าประสบผลสำเร็จอย่างสูง ย้ำพร้อมเดินหน้าร่วมมือกับภาครัฐทุกด้านอย่างเต็มที่
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวถึงผลการดำเนินงานวัคซีนไทยร่วมใจ และการให้บริการวัคซีนในระยะต่อไป ร่วมกับ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย นางสาวปฐมา จันทรักษ์ รองประธานด้านการขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศอินโดจีน และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ไอบีเอ็ม ประเทศไทย โดยขอแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่งกับความสำเร็จของภารกิจในการกระจายวัคซีนให้เข้าถึงประชาชน เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอย่างเร่งด่วน เพราะนอกจากจะช่วยลดอัตราการเจ็บป่วยและเสียชีวิตของประชาชนแล้ว ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นานาประเทศ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจเดินต่อไปได้ ซึ่ง ณ วันนี้ โครงการไทยร่วมใจได้ฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่า 1.4 ล้านโดส และในวันนี้เอง ศูนย์บริการฉีดวัคซีนต่างๆ ก็อยู่ในระหว่างฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ให้กับประชาชนอยู่ด้วย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนอย่างครบถ้วน
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา หอการค้าไทยได้ร่วมกับรัฐบาลในการวางแผนการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อสนับสนุนแผนการฉีดวัคซีนให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยสนับสนุนการกระจายและฉีดวัคซีน ซึ่งหอการค้าไทยได้ไปสำรวจพื้นที่ร่วมกับกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นสถานที่ฉีดวัคซีน โดยเริ่มที่กรุงเทพมหานครเป็นอันดับแรก พร้อมทั้งสนับสนุนการทำงานด้านการสื่อสารของภาครัฐ เพื่อสร้างความเข้าใจและส่งเสริมให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน โดยหอการค้าไทยและกรุงเทพมหานคร ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานพันธมิตรที่เข้ามาช่วยสนับสนุนให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วงไปได้อย่างดี
ทั้งนี้ โดยมีองค์ประกอบสำคัญ คือ ศูนย์ฉีดวัคซีนทั้ง 25 ศูนย์ ประกอบไปด้วย ห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่ ธนาคาร และสถานศึกษา ที่ได้ให้ความอนุเคราะห์สถานที่และอาสาสมัครมาช่วยงานตลอดเวลาที่ผ่านมา โรงพยาบาลทั้ง 19 โรงพยาบาล ที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการส่งบุคลากรทางการแพทย์มาช่วยสนับสนุนการฉีดวัคซีน และการให้คำแนะนำที่ถูกต้องในเรื่องการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน หน่วยงานที่ดูแลระบบไทยร่วมใจและรับลงทะเบียน ที่นำเอาเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว และลดความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่ในศูนย์ปฏิบัติการของภาคเอกชน ทั้งธนาคารกรุงไทย ไอบีเอ็ม และร้านสะดวกซื้อ
นอกจากนี้ เครือข่ายมือถือที่ให้บริการ Call Center ทั้ง TRUE AIS DTAC รวมทั้งโครงการครัวหอการค้าไทย ที่ได้รับการสนับสนุนทั้งอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค และเงินบริจาค แก่อาสาสมัครและบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ในศูนย์และแหล่งชุมชนต่างๆ อย่างที่แจ้งให้ทราบในช่วงแรกว่า ณ ขณะนี้ศูนย์ทุกศูนย์ได้เริ่มฉีดวัคซีน AstraZeneca เข็มที่ 2 ให้กับประชาชนที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน เป็นต้นมา และขณะนี้ทางหอการค้าไทยได้เสนอรัฐบาลเร่งรัดจัดหาวัคซีนมาฉีดเป็น Booster ให้กับประชาชนที่ได้ฉีดวัคซีนไปตั้งแต่เมื่อต้นปี และมีความเสี่ยงที่ภูมิจะเริ่มน้อยลงแล้ว ซึ่งศูนย์ทั้ง 25 ศูนย์ ยินดีที่จะฉีดให้กับคนกลุ่มนี้
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น มาตรการควบคุมโรคบางส่วนในเดือนกันยายน ก็เริ่มผ่อนคลายแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ ซึ่งภาคเอกชนเห็นด้วยกับภาครัฐที่เริ่มผ่อนคลายในธุรกิจมากขึ้น จึงมองว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะดีขึ้นควบคู่ไปกับมาตรการกระตุ้นทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นของภาครัฐ โดยเฉพาะในช่วงสิ้นปี หากสามารถเปิดเมืองเปิดการท่องเที่ยวได้จะยิ่งช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยได้เป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น ภาคเอกชนขอสนับสนุนให้คนไทยเข้ารับการฉีดวัคซีนกันให้มากที่สุด เพื่อให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ ซึ่งจะส่งผลให้สามารถเปิดประเทศ และพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยโดยเร็วที่สุดต่อไป. – สำนักข่าวไทย