22 พ.ย.- ผอ.ศปนม.ตร. โชว์ผลงานจัดเก็บภาษีน้ำมันเพิ่มกว่า 8หมื่นล้าน เร่งกวาดเรือเถื่อนลักลอบดัดแปลงขนน้ำมันให้หมดไปจากทะเลไทย
พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศปนม.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้แทนจากกรมสรรพสามิต, กรมเจ้าท่า, กรมธุรกิจพลังงาน, สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ร่วมแถลงผลการปฏิบัติของศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง
พล.ต.อ.ไกรบุญ กล่าวว่า จากการป้องกันปราบปราม และการบูรณาการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ และการจัดทำฐานข้อมูลท้องถิ่น เช่น ปั๊มน้ำมัน ปั๊มหลอด คลังน้ำมัน แก๊ส พบว่า มีผู้ประกอบการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงสถานประกอบการที่มีระบบจัดการน้ำมันไว้ใช้เองในกิจการ จำนวน 21,019 จุด ในขณะเดียวกันก็มีการจัดชุดปฏิบัติการควบคุมและตรวจสอบด่านศุลกากรส่งออก โดยประสานความร่วมมือกับสรรพสามิตพื้นที่ในการร่วมตรวจสอบความถูกต้องของเส้นทางการเดินรถบรรทุกน้ำมันที่ด่านถึง 9,118 ครั้ง ในการลงตรวจทั้ง 20 ด่านปลายทางทั่วประเทศ เพื่อป้องกันการทุจริตลักลอบจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงผิดกฎหมาย
พล.ต.อ.ไกรบุญ กล่าวว่า ในภาพรวมสามารถจับกุม ปราบปราม ดำเนินคดีและปรับโทษตามกฎหมาย ได้กว่า 1,186 คดี โดยมีคดีเปรียบเทียบปรับ 706 คดี ค่าปรับรวมมากกว่า 34,000 ล้านบาท โดยศูนย์ฯจะเร่งรัดการปฏิบัติปราบปรามเรือดัดแปลงลักลอบขนน้ำมันเถื่อน ที่มีอยู่น่านน้ำไทยจำนวนมากในปีนี้ให้หมด เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายทะเลสีขาว ส่วนการดำเนินการอื่นๆ ต้องรอ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้มอบหมายอีกครั้งหนึ่ง และจะมีการกำหนดมาตรการเพิ่มเติมในภายหลัง
พล.ต.อ.ไกรบุญ กล่าวว่า ปีนี้จะร่วมกับกรมเจ้าท่าจัดการกับเรือเถื่อนที่มีปัญหาให้หมดจากทะเลไทย โดยจะทำเรือทะเลไทยให้เป็นสีขาว ส่วนภาพรวมของปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าตำรวจไม่ได้เน้นในเรื่องของการจับกุมเช่นเดียวกับในอดีตแต่เน้นเรื่องการป้องปราบ การควบคุมและจัดระบบ โดยได้สำรวจสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ นำทุกจุดกระจายไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเฝ้าตรวจและป้องปราม ด้านเส้นทางขนส่งน้ำมันจากโรงกลั่นไปยังสถานีปลายทางได้ขอความร่วมมือบริษัทน้ำมันส่งข้อมูลเส้นทางการเดินรถ และกำหนดจุดตรวจเพื่อป้องกันการยักย้ายถ่ายเทน้ำมัน ขณะเดียวกันที่ด่านที่มีการส่งน้ำมันออกไปจำหน่ายต่างประเทศ ได้ส่งชุดพิเศษที่ร่วมกับ หน่วยงานต่างๆ ในการตรวจสอบน้ำหนักรถน้ำมันทุกคันเพื่อให้มั่นใจว่าน้ำมันที่มาจากโรงกลั่นต้นทางสามารถส่งออกไปได้อย่างถูกต้อง ไม่มีการหลีกเลี่ยงภาษี ไม่มีการนำรถเปล่าออกไปและมีการมาเรียกคืนภาษีในภายหลัง
สำหรับ ผลการจัดเก็บรายได้ภาษีน้ำมันในปีงบประมาณ พ.ศ.2567 (อ้างอิงข้อมูลจากศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศกรมสรรพสามิต) สามารถจัดเก็บรายได้ภาษีน้ำมันได้ถึง 209,827.35 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนถึง 81,419 ล้านบาท หรือติดเป็นร้อยละ 63.41 (ในปีงบประมาณ 2566 สามารถจัดเก็บรายได้ภาษีน้ำมันได้ 128,407.72 ล้านบาท) .-419 สำนักข่าวไทย