โรงงาน-ชาวไร่-ภาครัฐตกลงสรุปสต๊อกน้ำตาลทราย 2.5 แสนตัน

กรุงเทพฯ 23 ก.พ. – โรงงานน้ำตาล ชาวไร่อ้อย และภาครัฐ ได้ข้อสรุปตัวเลขปริมาณสต๊อกน้ำตาลทราย 2.5 แสนตัน เชื่อเพียงพอต่อการบริหารความเสี่ยงน้ำตาลขาดแคลน หลังลอยตัวราคาในประเทศ


คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) ได้ข้อสรุปแนวทางลอยตัวราคาน้ำตาลทรายตามตลาดโลกและเลิกระบบโควตาน้ำตาลทราย  ก. ข. และ ค. ตามที่ ครม. ได้มีมติไว้ ซึ่งทั้งชาวไร่อ้อย โรงงานน้ำตาลและภาครัฐ เห็นพ้องตั้งสำรองน้ำตาลทราย (บัฟเฟอร์ สต๊อก) เดือนละ 2.5 แสนตันจนถึงฤดูหีบใหม่ เชื่อเป็นเกณฑ์ที่เหมาะสม และเพียงพอต่อการบริโภค โดยทุกฝ่ายเห็นพ้องกำหนดกรอบการหาราคาอ้างอิง เพื่อนำมาใช้คำนวณราคาอ้อย และจะได้หารือแนวทางปฏิบัติร่วมกันต่อไป

นายสิริวุทธิ์  เสียมภักดี ประธานคณะทำงานด้านประชาสัมพันธ์ของ 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย เปิดเผยว่า กอน. ได้ข้อสรุปแนวทางลอยตัวราคาน้ำตาลทรายให้เป็นไปตามกลไกตลาดโลก และการยกเลิกโควตาน้ำตาล ก. ข. และ ค. ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องกันที่จะยกเลิกโควตาน้ำตาล ก. ข. และ ค. เพื่อเปิดเสรีน้ำตาลทรายให้สอดคล้องกับหลัก WTO โดยเห็นชอบตรงกันให้ปรับมาใช้วิธีการสต๊อกน้ำตาลทราย (บัฟเฟอร์ สต๊อก) เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงป้องกันภาวะน้ำตาลทรายในประเทศขาดแคลน ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคภายในประเทศได้


แต่ยังมีรายละเอียดบางประเด็น ที่โรงงานน้ำตาลทรายต้องหาข้อสรุปร่วมกับหน่วยงานภาครัฐอีกครั้งในแนวทางปฏิบัติ และมั่นใจว่าจะไม่เกิดภาวะขาดแคลนน้ำตาลบริโภคในประเทศหลังการยกเลิกโควตา และปล่อยราคาน้ำตาลทรายในประเทศลอยตัวตามกลไกตลาด เนื่องจากไทยเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลทรายถึง 3 ใน 4 ของปริมาณผลผลิตและมีการตั้งปริมาณสต็อกที่โรงงานต้องจัดเก็บสำรองไว้แต่ละเดือนไม่น้อยกว่า 2.5 แสนตันจนถึงฤดูการผลิตใหม่ ซึ่งโรงงานน้ำตาลทรายพร้อมจะปฏิบัติเพื่อดูแลผู้บริโภค

“เนื่องจากการจัดสรรโควต้าจำหน่ายที่มีการขึ้นงวดเป็นรายสัปดาห์ตามระบบเดิมในปัจจุบัน มีน้ำตาลที่ขึ้นงวดแล้วยังค้างจำหน่ายในแต่ละเดือนประมาณ 2 แสนตัน ซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขสต๊อกที่ กอน. กำหนดที่เดือนละ 2.5 แสนตัน เพื่อการันตีความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคว่าจะมีน้ำตาลทรายเพียงพอต่อการบริโภคอย่างแน่นอน” นายสิริวุทธิ์ กล่าว

ส่วนแนวทางการลอยตัวราคาน้ำตาลทรายให้เป็นไปตามกลไกตลาดโลกนั้น โรงงานน้ำตาลทรายและชาวไร่ต่างเห็นพ้องกันที่จะให้ปล่อยราคาน้ำตาลทรายในประเทศลอยตัวตามตลาดโลก เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภค โดยเห็นพ้องกันในกรอบการหาราคาอ้างอิงเพื่อนำมาใช้คำนวณราคาต้นทุนอ้อย โดยใช้ราคา Export parity คือ อิงราคาน้ำตาลทรายขาวตลาดล่วงหน้า ลอนดอน บวกพรีเมี่ยม โดยจะหารือในรายละเอียดต่อไป ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายทราย (สอน.) จะได้รายงานความคืบหน้าในเรื่องนี้ พร้อมกับการเสนอ ครม. แก้ไข พรบ. อ้อยและน้ำตาลทราย ให้ฝ่ายบราซิลทราบ ในการเจรจาสองฝ่ายอีกครั้งในช่วงต้นเดือนมีนาคมนี้   – สำนักข่าวไทย


 

 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

เปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุนสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ด้วยจุดแข็งด้านเกษตรกรรม Soft Power และอุตสาหกรรมที่มีความยั่งยืน มุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการค้าเสรี เร่งสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าที่เสรี เปิดกว้าง และยั่งยืน

ช้างหลุดเดินถนน

ระทึก! ช้างหลุดจากปางช้างเดินบนถนน รถเสียหาย 1 คัน

ระทึก! ควาญช้างและตำรวจเร่งติดตามช้างหลุดจากปาง เดินบนถนน ชนกระจกมองข้างรถยนต์เสียหาย 1 คัน สุดท้ายไปเจอเล่นน้ำอยู่ในลำธารอย่างสบายใจ

ฝุ่น กทม.

แดงเกือบทั้งกรุง คุณภาพอากาศวิกฤติ ฝุ่น PM 2.5 กระทบต่อสุขภาพ

คุณภาพอากาศกรุงเทพฯ วิกฤติต่อเนื่อง เช้านี้ฝุ่น PM 2.5 อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 67 พื้นที่ คุณภาพอากาศจะแย่แบบนี้ไปถึงสัปดาห์หน้า

วันประวัติศาสตร์ สมรสเท่าเทียมวันแรก

วันนี้เป็นวันแรกที่กฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ ใน กทม. มีการจัดงานวันสมรสเท่าเทียมอย่างยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองให้กับเส้นทางการต่อสู้อันยาวนานกว่าที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ไม่ว่าเพศใดก็จะได้รับสิทธิการสมรสอย่างเท่าเทียมกัน