ดาวอส 24 ม.ค. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐแถลงต่อที่ประชุมเศรษฐกิจโลกในเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ต้องการให้โอเปกและซาอุดีอาระเบีย ลดราคาน้ำมันโลก และหวังเจรจากับประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เพื่อยุติสงครามในยูเครน
ประธานาธิบดีทรัมป์ แถลงผ่านวิดีโอลิงค์ ต่อบรรดาผู้นำธุรกิจในที่ประชุมเศรษฐกิจโลก “เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม” หรือ ดับเบิลยูอีเอฟ (WEF) ในเมืองดาวอสเมื่อวานนี้ว่า เขาต้องการให้ลดราคาน้ำมันโลก โดยจะขอร้องซาอุดีอาระเบีย และกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน หรือโอเปก ให้ลดราคาน้ำมันลง ส่งผลให้ราคาของน้ำมันลดลงในขณะที่นายทรัมป์พูด ส่วนเงินยูโรอ่อนค่าลงและดอลลาร์สหรัฐฯแกว่งตัวเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินต่างประเทศ
คำวิจารณ์ที่รุนแรงที่สุดของนายทรัมป์มีขึ้นเฉพาะกับพันธมิตรดั้งเดิมของสหรัฐอย่างแคนาดาและสหภาพยุโรป เท่านั้น ซึ่งเขาขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าใหม่ และตำหนินโยบายนำเข้าของทั้งแคนาดาและอียูว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้สหรัฐขาดดุลการค้ากับพันธมิตรทั้งสอง ซึ่งนายทรัมป์บอกว่า สหรัฐจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นอีก
นายทรัมป์กล่าวด้วยว่า เขาต้องการพบหารือกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย โดยเร็ว เพื่อเดินหน้าผลักดันหยุดสงครามที่ยืดเยื้อมาเกือบ 3 ปีกับยูเครน พร้อมแสดงความเสียใจต่อสิ่งที่เขาเรียกว่าการสูญเสียชีวิตของผู้คนจำนวนมาก และบอกว่า ความพยายามของสหรัฐในการแก้ปัญหาอย่างสันติกำลังดำเนินการอย่างมีความหวัง แต่ไม่ได้ให้รายละเอียด ขณะเดียวกัน นายทรัมป์มองเห็นความสัมพันธ์ที่ดีมากระหว่างสหรัฐฯและจีน และเขาหวังว่า จีนจะสามารถช่วยยุติสงครามของรัสเซียในยูเครนได้
ในการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี นายทรัมป์ประกาศหลายครั้งว่า จะผลักดันข้อตกลงระหว่างยูเครนและรัสเซียทันทีที่เข้ารับตำแหน่ง แต่ตอนนี้ ที่ปรึกษาของเขายอมรับว่า สงครามจะต้องใช้เวลาหลายเดือนจึงจะคลี่คลาย
ในอีกด้านหนึ่ง ผู้พิพากษาจอห์น คูเกนอร์ แห่งศาลรัฐบาลสหรัฐในเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน ได้ลงความเห็นขวางคำสั่งฝ่ายบริหารนายทรัมป์ ที่จะยุติสิทธิในการได้รับสัญชาติโดยการเกิดในประเทศ หรือที่เรียกว่า เบิร์ธไรท์ ซิติเซนชิป (Birthright Citizenship) อันหมายถึงยุติสิทธิในการได้เป็นพลเมืองอเมริกัน เพียงแค่เพราะว่าถือกำเนิดในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งนายทรัมป์เห็นว่า จะช่วยขัดขวางความพยายามของผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายได้ อีกทั้งยังมีคนจำนวนไม่น้อยอาศัยประโยชน์จากสิทธินี้ อย่างไรก็ดี ผู้พิพากษามองว่า คำสั่งดังกล่าวของนายทรัมป์ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งรับรองสถานะพลเมืองของเด็กทุกคนที่เกิดในสหรัฐฯ โดยไม่สนใจถึงเชื้อชาติ สีผิวหรือบรรพบุรุษของเด็กคนนั้น
รายงานระบุว่า เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังทรัมป์ลงนามในคำสั่งฉบับดังกล่าวในวันสาบานตนรับตำแหน่งผู้นำ บรรดากลุ่มนักเคลื่อนไหวสนับสนุนผู้อพยพออกมาขยับยื่นฟ้องทรัมป์ต่อศาลจำนวนมาก เนื่องจากเห็นว่าการลงนามในคำสั่งดังกล่าวของนายทรัมป์นั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ ลบหลู่คุณค่าพื้นฐานของอเมริกาและดูหมิ่นคำพิพากษาในอดีตของศาล ที่ระบุเรื่องสิทธิในการได้รับสัญชาติโดยการเกิดในประเทศ สะท้อนว่าเด็กทุกคนที่เกิดในสหรัฐจะเป็นพลเมืองอเมริกัน แต่คำสั่งของทรัมป์ถือเป็นการโจมตีเด็กแรกเกิดและชาวอเมริกันในรุ่นต่อๆ ไป.-815.-สำนักข่าวไทย