กรุงเทพฯ 28 ก.พ. – หลังจาก นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ยกกเลิก EIA และ EHIA โรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ โดยสั่งให้ทำใหม่เพื่อและให้ประชาชนมีส่วนมากยิ่งขึ้น เช้านี้นายอารีย์พงษ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงานได้เรียกประชุมด่วน เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติรวมทั้งหารือว่าจะปรับแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าระยะยาว20 ปี หรือพีดีพี2015 อย่างไร หลังจากนายกรัฐมนตรีระบุว่าต้องการเห็นพลังงานทดแทนมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ40
นายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า. กฟผ น้อมปฏิบัติตามคำสั่งการของนายกรัฐมนตรี และรอสำนักงานนโยแผนสิ่งแวดล้อม หรือ สผ.ว่าเริ่มใหม่ครั้งนี้จะให้ดำเนินการอย่างไร ทำตามกระบวนการเดิม หรือต้องการให้มีการปรับปรุงกระบวนการใดหรือ มีกระบวนการใหม่เพิ่มเข้ามาหรือต้องการให้มีการดำเนินอะไรเป็นพิเศษจากที่เคยทำหรือไม่ กฟผ จะได้ไปดำเนินการให้เป็นตามคำสั่งการของนายกฯ และ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.) ต่อไป
นายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการฯ และโฆษก กฟผ. กล่าวว่า กฟผ.ต้องหารือ กับ สผ. เกี่ยวกับแนวปฏิบัติว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร โดย ซึ่ง จากมติ คณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ต้องมีการนำแนวทางของคณะกรรมการไตรภาคี เข้ามาร่วมด้วย ดังนั้น การจัดทำความคิดเห็น ที่ต้องทำ 3 รอบ ตามกระทบวนอีไอเอ และอีเอชไอเอ ที่เรียกว่า ค.1 ,ค.2 และ ค.3 ก็อาจเป็นไปได้ที่เชิญ คณะกรรมการไตรภาคคีมาร่วมด้วยตั้งแต่แรก โดย กระบวนการทั้งหมด เมื่อต้องทำใหม่ก็คาดว่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปีครึ่ง ดังนั้น การก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ก็ต้องเลื่อนระยะเวลาไป จากแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าที่คาดการณ์จะเสร็จในปี 2562 ก็เลื่อนไปเป็นปี 2567
นายสหรัฐ กล่าวว่า จะปรับแผนพีดีพี 2015 อย่างไร คงต้องรอ กระทรวงพลังงานเป็นผู้เสนอ แต่ในฐานะ กฟผ.ที่ดูแลความต้องการใช้ไฟฟ้าและความมั่นคงไฟฟ้าในภาคใต้ก็ขอยืนยันว่า จำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าใหม่ในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อแก้ปัญหากำลังผลิตในพื้นที่ไม่เพียงพอ และความต้องการใช้ไฟฟ้ายังคงเพิ่มขึ้นร้อยละ4-5 ต่อไป ซึ่งจะมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) หรือไม่ อย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับกระทรวงพลังงานจะพิจารณา -สำนักข่าวไทย