กรุงเทพฯ 18 ต.ค.- “พีระพันธุ์” ย้ำไม่สั่งปลดบอร์ด ปตท. ส่วนผู้ว่าการ กฟผ.ต้องรอบอร์ด กฟผ.ชุดใหม่ยืนยัน หลัง กกต.ตีตกไม่เห็นชอบ ยึดหลักทำงาน “มั่นคงเป็นธรรมยั่งยืน” เตรียมออกกฎหมายใหม่ดูแลราคาพลังงานทั้งระบบ ส่วนการประมูลพลังงานทดแทนรอบใหม่ และลงนามพีพีเอรอบเดิมก็ให้เป็นไปตามระเบียบ กกพ. ด้านกัลฟ์แจ้งลงนามพีพีเอพลังงานแสงอาทิตย์แล้ว 12 โครงการ รวม 649.31 เมกะวัตต์
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ไม่ได้สั่งการให้คณะกรรมการ (บอร์ด) บมจ.ปตท.พิจารณาลาออกแต่อย่างใด แม้ว่า มีการกล่าวกันมากว่า เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลแล้ว นับเป็นมารยาทที่บอร์ดรัฐวิสาหกิจควรจะลาออก เพื่อให้รัฐบาลคัดสรรบุคคลเข้ามาเป็นบอร์ด เพื่อบริหารงานให้ตรงกับนโยบายรัฐบาลใหม่ก็ตาม ซึ่งการทำงานของ ปตท.นั้น เป็นบริษัท มหาชน การทำงานบางครั้งก็ระบุว่าเป็นเอกชน บางครั้งก็ระบุว่าเป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับของรัฐ ซึ่งก็ไม่สามารถทำงานในการเป็นองค์กรของรัฐที่ดูแลด้านพลังงานได้ตามเป้าหมาย ดังนั้น ตนก็อาจจะพิจารณาว่าน่าจะมีการจัดตั้งองค์กรใหม่มาทำหน้าที่ดูแลอย่างเต็มที่ดีหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรุ่งนี้ (19 ต.ค.) จะมีการประชุมบอร์ด ปตท. โดยก่อนหน้านี้ นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ลาออกจากบอร์ด ปตท.ไปแล้ว เมื่อวันที่ 11 ต.ค.66 ในขณะที่บอร์ดการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ลาออกไปทั้งชุดตั้งแต่ 1 ต.ค.66
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ในส่วนตำแหน่งผู้ว่าการ กฟผ. ซึ่ง บอร์ด กฟผ. ชุดที่แล้วได้มีการสรรหาและเสนอให้นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการ กฟผ.คนใหม่ และนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ อดีต รมว.พลังงาน ได้เสนอต่อ ครม.วันที่ 2 พ.ค.66 ซึ่งอยู่ระหว่างการเลือกตั้ง ครม.มีมติอนุมัติเห็นชอบแบบมีเงื่อนไข คือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องเห็นชอบด้วย แต่ กกต.แจ้งกลับมาว่าไม่เห็นชอบ ซึ่งถือว่าจบเรื่องไม่ผ่านความเห็นชอบ อย่างไรก็ตาม นายสุพัฒนพงษ์ก็ต้องการให้ความเป็นธรรม จึงเสนอ ครม.ขอให้ส่งเรื่องให้ กกต.ทบทวนความเห็นอีกรอบ เมื่อ ครม.ส่งเรื่องกลับไป กกต.เรื่องหายเงียบ กกต.ไม่ตอบ จนกระทั่งเลือกตั้งเสร็จ มี ครม.ชุดใหม่ กกต.ทำหนังสือตอบกลับมายังสำนักเลขาธิการ ครม. เมื่อวันที่ 6 ก.ย.66 บอกว่าเรื่องนี้เมื่อมีรัฐบาลใหม่แล้วก็ไม่อยู่ในกรอบที่ กกต.จะพิจารณาทบทวน ซึ่งก็หมายว่า กกต.ยืนยันความเห็นเดิมคือไม่เห็นชอบ และเมื่อวันที่ 18 ก.ย.66 สำนักงานเลขาธิการ ครม. แจ้งความเห็นมายังกระทรวงพลังงาน และตนได้รับทราบเป็นหนังสือเมื่อวันที่ 27 ก.ย.66 จึงหารือกับปลัดกระทรวงพลังงานและทุกฝ่าย รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งทางกฤษฎีกาฯ แจ้งว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไปเข้าเงื่อนไข มติ ครม.วันที่ 2 พ.ค.66 ที่ ครม.เห็นชอบแบบมีเงื่อนไข กกต.ต้องเห็นชอบ ดังนั้นเมื่อมีรัฐบาลใหม่ก็ต้องให้ กฟผ.ยืนยันมาใหม่ ว่า ยังเสนอรายชื่อคนเดิมหรือไม่
“ตามกฎหมายแล้ว การสรรหา ผู้ว่าการ กฟผ.ตนไม่เกี่ยวข้อง กระทรวงพลังงานเป็นเพียงพนักงานส่งเอกสาร เอาเรื่องที่เขาสรรหาผู้ว่าการมาแล้วเข้า ครม.ว่าเห็นชอบหรือไม่เท่านั้น ไม่มีอำนาจหน้าที่เลือก ซึ่งในขณะนี้ก็ต้องรอ บอร์ด กฟผ.ที่ต้องแต่งตั้งใหม่เสนอยืนยันมา” นายพีระพันธุ์ กล่าว
นายพีระพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ในการทำงานของตนจะยึดหลักมั่นคงเป็นธรรมยั่งยืน วางแผนระยะสั้น กลาง ยาว โดยเริ่มต้นจากการลดราคาค่าไฟ ค่าน้ำมันไปแล้ว ในระยะต่อไปก็ต้องมีการออกกฎหมายใหม่มาดูแลราคาพลังงานให้เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย โดยในส่วนการเปิดรับซื้อพลังงานทดแทนรอบ 2 อีกว่า 3 พันเมกะวัตต์นั้น ก็ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ. ) ดูในรายละเอียดของข้อเสนอของเอกชน ในขณะที่การลงนามสัญญา (พีพีเอ) ในพลังงานทดแทนรอบแรกกว่า 5 พันเมกะวัตต์ ก็เป็นเรื่องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าภายใต้กฎระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็รับทราบว่าศาลปกครองมีการคุ้มครองเรื่องพลังงานลม นอกจากนี้ จากข้อเรียกร้องให้ทบทวนสัญญาพีพีเอ เรื่องค่าความพร้อมจ่ายหากมีข้อมูลเสนอมาก็พร้อมจะพิจารณา
“ผมไม่เคยคิดมาเป็น รมว.พลังงาน แต่ก็จะเดินหน้า มั่นคงเป็นธรรมยั่งยืน ส่วนเรื่องที่เป็นแผนงานเดิม ซึ่งการประกาศมาตรฐานใหม่ ยูโร 5 ที่ต้นทุนน้ำมันจะแพงขึ้นอีก 15 สตางค์/ลิตร เริ่ม 1 ม.ค.67 นั้นจะทบทวนหรือไม่ เรื่องนี้ก็ต้องทำร่วมกันทั้งหมด ทั้งรถควันดำและอื่น ๆ เพราะหากประกาศแค่โรงกลั่นฯ อย่างอื่น ๆ ไม่ร่วมก็ไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อม ส่วนพื้นที่ทับซ้อนปิโตรเลียมไทย-กัมพูชา ก็ต้องมีการพูดคุย แต่คงไม่เอาเรื่องเส้นเขตแดน 2 ประเทศเป็นที่ตั้ง ไม่เช่นนั้นคงไม่จบ ก็คงจะดูว่าในการพัฒนาร่วมกันนั้นจะเริ่มจากความร่วมมือการนำปิโตรเลียมมาก่อให้เกิดประโยชน์อย่างไรก่อน” รมว.พลังงาน กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ในระหว่างการพบสื่อสายพลังงาน นายพีระพันธ์ ระบุว่างบฯ กระทรวงพลังงานนั้นน้อยมากแต่ดูงานเรื่องใหญ่ ๆ เกี่ยวข้องกับประชาชน โดยในส่วนของการตกแต่งบ้านพิบูลธรรม ให้กลับมาเป็นที่ทำงานของ รมว.พลังงาน อีกครั้งได้ใช้งบฯ ส่วนตัวมาใช้ร่วมเป็นส่วนใหญ่และได้ใช้เฟอร์นิเจอร์ส่วนตัวมาใช้ด้วย โดยในงานแถลงข่าวก็ได้ใช้เก้าอี้ไม้ที่มีตราสัญลักษณ์” สาลีรัฐวิภาค” มาใช้เป็นเก้าอี้นั่งนับร้อยตัว พร้อมเปิดเผยว่าแม้จะมีงานยุ่ง แต่ก็มีงานอดิเรกที่สำคัญคือสะสมและเล่นเครื่องบินบังคับวิทยุที่มีถึง 3,000 ลำ
ทั้งนี้ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) แจ้งว่า เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 กลุ่มบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นทางอ้อมผ่านบริษัท กัลฟ์ รีนิวเอเบิล เอ็นเนอร์จี จำกัด ในสัดส่วน 100% ได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นระยะเวลา 25 ปี เพื่อพัฒนาและดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (solar farms) และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (solar farms with battery energy storage systems) จำนวนรวม 12 โครงการ มีขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 649.31 เมกะวัตต์ (MW)และมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ระหว่างปี 2567-2568 ซึ่งเป็นส่วนที่ รัฐบาลรับซื้อซื้อพลังงานทดแทนรอบ แรกกว่า 5พันเมกะวัตต์ โดย solar farms)และ solar farms with battery energy storage systems มีอัตราขายไฟฟ้าแบบ FiT ที่ 2.1679 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง และ 2.8331 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ตามลำดับ. -สำนักข่าวไทย