“พีระพันธุ์” ย้ำไม่สั่งปลดบอร์ด ปตท. ส่วนผู้ว่าการ กฟผ.ต้องรอบอร์ดใหม่ยืนยัน

กรุงเทพฯ 18 ต.ค.- “พีระพันธุ์” ย้ำไม่สั่งปลดบอร์ด ปตท. ส่วนผู้ว่าการ กฟผ.ต้องรอบอร์ด กฟผ.ชุดใหม่ยืนยัน หลัง กกต.ตีตกไม่เห็นชอบ ยึดหลักทำงาน “มั่นคงเป็นธรรมยั่งยืน” เตรียมออกกฎหมายใหม่ดูแลราคาพลังงานทั้งระบบ ส่วนการประมูลพลังงานทดแทนรอบใหม่ และลงนามพีพีเอรอบเดิมก็ให้เป็นไปตามระเบียบ กกพ. ด้านกัลฟ์แจ้งลงนามพีพีเอพลังงานแสงอาทิตย์แล้ว 12 โครงการ รวม 649.31 เมกะวัตต์


นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ไม่ได้สั่งการให้คณะกรรมการ (บอร์ด) บมจ.ปตท.พิจารณาลาออกแต่อย่างใด แม้ว่า มีการกล่าวกันมากว่า เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลแล้ว นับเป็นมารยาทที่บอร์ดรัฐวิสาหกิจควรจะลาออก เพื่อให้รัฐบาลคัดสรรบุคคลเข้ามาเป็นบอร์ด เพื่อบริหารงานให้ตรงกับนโยบายรัฐบาลใหม่ก็ตาม ซึ่งการทำงานของ ปตท.นั้น เป็นบริษัท มหาชน การทำงานบางครั้งก็ระบุว่าเป็นเอกชน บางครั้งก็ระบุว่าเป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับของรัฐ ซึ่งก็ไม่สามารถทำงานในการเป็นองค์กรของรัฐที่ดูแลด้านพลังงานได้ตามเป้าหมาย ดังนั้น ตนก็อาจจะพิจารณาว่าน่าจะมีการจัดตั้งองค์กรใหม่มาทำหน้าที่ดูแลอย่างเต็มที่ดีหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรุ่งนี้ (19 ต.ค.) จะมีการประชุมบอร์ด ปตท. โดยก่อนหน้านี้ นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ลาออกจากบอร์ด ปตท.ไปแล้ว เมื่อวันที่ 11 ต.ค.66 ในขณะที่บอร์ดการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ลาออกไปทั้งชุดตั้งแต่ 1 ต.ค.66


นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ในส่วนตำแหน่งผู้ว่าการ กฟผ. ซึ่ง บอร์ด กฟผ. ชุดที่แล้วได้มีการสรรหาและเสนอให้นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการ กฟผ.คนใหม่ และนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ อดีต รมว.พลังงาน ได้เสนอต่อ ครม.วันที่ 2 พ.ค.66 ซึ่งอยู่ระหว่างการเลือกตั้ง ครม.มีมติอนุมัติเห็นชอบแบบมีเงื่อนไข คือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องเห็นชอบด้วย แต่ กกต.แจ้งกลับมาว่าไม่เห็นชอบ ซึ่งถือว่าจบเรื่องไม่ผ่านความเห็นชอบ อย่างไรก็ตาม นายสุพัฒนพงษ์ก็ต้องการให้ความเป็นธรรม จึงเสนอ ครม.ขอให้ส่งเรื่องให้ กกต.ทบทวนความเห็นอีกรอบ เมื่อ ครม.ส่งเรื่องกลับไป กกต.เรื่องหายเงียบ กกต.ไม่ตอบ จนกระทั่งเลือกตั้งเสร็จ มี ครม.ชุดใหม่ กกต.ทำหนังสือตอบกลับมายังสำนักเลขาธิการ ครม. เมื่อวันที่ 6 ก.ย.66 บอกว่าเรื่องนี้เมื่อมีรัฐบาลใหม่แล้วก็ไม่อยู่ในกรอบที่ กกต.จะพิจารณาทบทวน ซึ่งก็หมายว่า กกต.ยืนยันความเห็นเดิมคือไม่เห็นชอบ และเมื่อวันที่ 18 ก.ย.66 สำนักงานเลขาธิการ ครม. แจ้งความเห็นมายังกระทรวงพลังงาน และตนได้รับทราบเป็นหนังสือเมื่อวันที่ 27 ก.ย.66 จึงหารือกับปลัดกระทรวงพลังงานและทุกฝ่าย รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งทางกฤษฎีกาฯ แจ้งว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไปเข้าเงื่อนไข มติ ครม.วันที่ 2 พ.ค.66 ที่ ครม.เห็นชอบแบบมีเงื่อนไข กกต.ต้องเห็นชอบ ดังนั้นเมื่อมีรัฐบาลใหม่ก็ต้องให้ กฟผ.ยืนยันมาใหม่ ว่า ยังเสนอรายชื่อคนเดิมหรือไม่

“ตามกฎหมายแล้ว การสรรหา ผู้ว่าการ กฟผ.ตนไม่เกี่ยวข้อง กระทรวงพลังงานเป็นเพียงพนักงานส่งเอกสาร เอาเรื่องที่เขาสรรหาผู้ว่าการมาแล้วเข้า ครม.ว่าเห็นชอบหรือไม่เท่านั้น ไม่มีอำนาจหน้าที่เลือก ซึ่งในขณะนี้ก็ต้องรอ บอร์ด กฟผ.ที่ต้องแต่งตั้งใหม่เสนอยืนยันมา” นายพีระพันธุ์ กล่าว

นายพีระพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ในการทำงานของตนจะยึดหลักมั่นคงเป็นธรรมยั่งยืน วางแผนระยะสั้น กลาง ยาว โดยเริ่มต้นจากการลดราคาค่าไฟ ค่าน้ำมันไปแล้ว ในระยะต่อไปก็ต้องมีการออกกฎหมายใหม่มาดูแลราคาพลังงานให้เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย โดยในส่วนการเปิดรับซื้อพลังงานทดแทนรอบ 2 อีกว่า 3 พันเมกะวัตต์นั้น ก็ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ. ) ดูในรายละเอียดของข้อเสนอของเอกชน ในขณะที่การลงนามสัญญา (พีพีเอ) ในพลังงานทดแทนรอบแรกกว่า 5 พันเมกะวัตต์ ก็เป็นเรื่องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าภายใต้กฎระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็รับทราบว่าศาลปกครองมีการคุ้มครองเรื่องพลังงานลม นอกจากนี้ จากข้อเรียกร้องให้ทบทวนสัญญาพีพีเอ เรื่องค่าความพร้อมจ่ายหากมีข้อมูลเสนอมาก็พร้อมจะพิจารณา


“ผมไม่เคยคิดมาเป็น รมว.พลังงาน แต่ก็จะเดินหน้า มั่นคงเป็นธรรมยั่งยืน ส่วนเรื่องที่เป็นแผนงานเดิม ซึ่งการประกาศมาตรฐานใหม่ ยูโร 5 ที่ต้นทุนน้ำมันจะแพงขึ้นอีก 15 สตางค์/ลิตร เริ่ม 1 ม.ค.67 นั้นจะทบทวนหรือไม่ เรื่องนี้ก็ต้องทำร่วมกันทั้งหมด ทั้งรถควันดำและอื่น ๆ เพราะหากประกาศแค่โรงกลั่นฯ อย่างอื่น ๆ ไม่ร่วมก็ไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อม ส่วนพื้นที่ทับซ้อนปิโตรเลียมไทย-กัมพูชา ก็ต้องมีการพูดคุย แต่คงไม่เอาเรื่องเส้นเขตแดน 2 ประเทศเป็นที่ตั้ง ไม่เช่นนั้นคงไม่จบ ก็คงจะดูว่าในการพัฒนาร่วมกันนั้นจะเริ่มจากความร่วมมือการนำปิโตรเลียมมาก่อให้เกิดประโยชน์อย่างไรก่อน” รมว.พลังงาน กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ในระหว่างการพบสื่อสายพลังงาน นายพีระพันธ์ ระบุว่างบฯ กระทรวงพลังงานนั้นน้อยมากแต่ดูงานเรื่องใหญ่ ๆ เกี่ยวข้องกับประชาชน โดยในส่วนของการตกแต่งบ้านพิบูลธรรม ให้กลับมาเป็นที่ทำงานของ รมว.พลังงาน อีกครั้งได้ใช้งบฯ ส่วนตัวมาใช้ร่วมเป็นส่วนใหญ่และได้ใช้เฟอร์นิเจอร์ส่วนตัวมาใช้ด้วย โดยในงานแถลงข่าวก็ได้ใช้เก้าอี้ไม้ที่มีตราสัญลักษณ์” สาลีรัฐวิภาค” มาใช้เป็นเก้าอี้นั่งนับร้อยตัว พร้อมเปิดเผยว่าแม้จะมีงานยุ่ง แต่ก็มีงานอดิเรกที่สำคัญคือสะสมและเล่นเครื่องบินบังคับวิทยุที่มีถึง 3,000 ลำ

ทั้งนี้ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) แจ้งว่า เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 กลุ่มบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นทางอ้อมผ่านบริษัท กัลฟ์ รีนิวเอเบิล เอ็นเนอร์จี จำกัด ในสัดส่วน 100% ได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นระยะเวลา 25 ปี เพื่อพัฒนาและดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (solar farms) และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (solar farms with battery energy storage systems) จำนวนรวม 12 โครงการ มีขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 649.31 เมกะวัตต์ (MW)และมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ระหว่างปี 2567-2568 ซึ่งเป็นส่วนที่ รัฐบาลรับซื้อซื้อพลังงานทดแทนรอบ แรกกว่า 5พันเมกะวัตต์ โดย solar farms)และ solar farms with battery energy storage systems มีอัตราขายไฟฟ้าแบบ FiT ที่ 2.1679 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง และ 2.8331 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ตามลำดับ. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]