ผลศึกษาประสิทธิภาพฉีดวัคซีนในบุคลากรการแพทย์ที่ติดเชื้อ ลดป่วยได้จริง

เชียงราย 3 ก.ค. – “อนุทิน” เผย รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ศึกษาประสิทธิผลการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่ติดเชื้อและในหอผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อ ผลการศึกษาเบื้องต้นพบว่าการฉีดวัคซีนช่วยลดอาการป่วยหนักได้จริง


วันนี้ (3 กรกฎาคม 2564) ที่ จ.เชียงราย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ ประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหาร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์โควิด-19 และการบริหารจัดการวัคซีน จ.เชียงราย โดยมีนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้การต้อนรับ

นายอนุทิน กล่าวว่า การลงพื้นที่ในวันนี้เพื่อติดตามสถานการณ์โควิด-19 ใน จ.เชียงราย จากการแพร่ระบาดในรอบเดือนเมษายน มีผู้ติดเชื้อสะสม 1,024 คน ส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อในครอบครัว ชุมชน สำนักงาน และขณะนี้พบการติดเชื้อเป็นแบบคลัสเตอร์อยู่ 4 กลุ่ม ได้แก่ เทิง แม่สาย เวียงป่าเป้า และเมืองเชียงราย ซึ่งคลัสเตอร์เมืองเชียงรายนั้นเป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ได้แก่ แพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล ผู้ช่วยเหลือคนไข้ นักรังสีการแพทย์ พนักงานเปล ที่ติดเชื้อจากการรักษาและให้บริการผู้ป่วย จำนวน 49 คน และมีการติดตามผู้สัมผัสเป็นผู้ป่วยและญาติอีก 100 คน รวมเป็น 149 คน


โดยกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ และมีอาการเล็กน้อย ทางโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์จึงได้พลิกวิกฤติเป็นโอกาส ทำการศึกษาอัตราการติดเชื้อ ความรุนแรงของอาการป่วยภายหลังการฉีดวัคซีน พบว่าในกลุ่มที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม จำนวน 29 ราย พบมีอาการปอดอักเสบเพียง 3 ราย ส่วนผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน 12 ราย พบมีอาการปอดอักเสบ 6 ราย นอกจากนี้ยังได้ขยายผลการศึกษาไปยังหอผู้ป่วยที่พบการติดเชื้อ มีบุคลากรผู้ปฏิบัติงาน 537 ราย พบอัตราการติดเชื้อเฉลี่ยร้อยละ 8 ในจำนวนนี้ได้รับวัคซีนซิโนแวคครบ 2 โดส พบติดเชื้อร้อยละ 5.7 ซิโนแวค 1 โดส ติดเชื้อร้อยละ 16.7 แอสตราเซเนกา 1 โดส ติดเชื้อร้อยละ 6.6 ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนพบติดเชื้อร้อยละ 33.3

จากผลการศึกษาเบื้องต้นทำให้มั่นใจว่าประสิทธิภาพและประสิทธิผลของวัคซีนมีความปลอดภัย ช่วยให้ไม่ป่วยหนักมากขึ้น ป้องกันการเสียชีวิตจากโควิดได้ หรือแม้ได้รับการฉีดวัคซีนเพียงเข็มเดียว ยังสามารถช่วยป้องกันอาการรุนแรงได้ เช่นกัน โดยจะนำข้อมูลนี้ส่งต่อไปยังสถานพยาบาลต่าง ๆ ให้บุคลากรทางการแพทย์เข้ารับวัคซีนครบ 100% และให้ทุกสถานพยาบาลเพิ่มความระมัดระวังในการปฏิบัติงานของบุคลากรอย่างเต็มที่ เนื่องจากทุกคนเป็นบุคลากรที่มีค่าของกระทรวงสาธารณสุขและขอให้กำลังใจกับบุคลากรที่ติดเชื้อทุกคน

สำหรับการให้วัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันอยู่ในระหว่างการ ศึกษาวิจัย จากสถาบันทางการแพทย์ชั้นนำของโลก ส่วนในประเทศไทยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญฯ ได้ติดตามผลการศึกษาอย่างใกล้ชิด และจะพิจารณาใช้หากพบว่ามีประสิทธิผลในการป้องกันโรคในระยะต่อไป


นายอนุทินกล่าวต่อว่า สำหรับการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป กระทรวงสาธารณสุขจัดหาวัคซีนได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 10 ล้านโดส และจะรีบจัดสรรกระจายไปยังทุกจังหวัดอย่างสม่ำเสมอทุกสัปดาห์ เพื่อให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครอบคลุม โดยวัคซีนที่ภาครัฐจัดหาสำหรับฉีดให้กับคนในประเทศขณะนี้ มีแอสตราเซเนกา ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม ซึ่งเป็นวัคซีนที่ได้รับมาตรฐาน องค์การอนามัยโลกให้การรับรอง และยังได้มีการเจรจากับบริษัทผู้ผลิตอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อให้ครอบคลุมประชากรทุกกลุ่ม

ในส่วนจังหวัดเชียงราย ข้อมูลถึงวันที่ 2 กรกฎาคม 2564 มีประชากรได้รับการฉีดวัคซีนแล้วแล้ว 88,274 คน จากกลุ่มเป้าหมาย 820,459 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 10.76 มีศักยภาพในการฉีดสูงสุดได้ 300,000 โดสต่อเดือน ซึ่งจะจัดสรรวัคซีนให้กับเชียงรายมากที่สุดเท่าที่ทำได้ เบื้องต้นขอให้เน้นในกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรังก่อน เพื่อลดความเสี่ยงที่จะป่วยหนักและเสียชีวิตในพื้นที่ โดยในแต่ละพื้นที่มีวัตถุประสงค์ในการฉีดวัคซีนที่แตกต่างกัน เช่น จ.ภูเก็ต จะต้องเร่งฉีดวัคซีนให้ครบร้อยละ 70 ให้สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวตามแผน Phuket Tourism Sandbox ส่วนในกรุงเทพมหานคร เป็นการระดมฉีดเพื่อควบคุมโรค และให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่

นอกจากนี้ ได้เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่แพทย์โรงพยาบาลเทิง อ.เทิง จ.เชียงราย และติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ โดยได้ฝากให้หน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทำงานเชื่อมต่อเป็นเครือข่าย ซึ่งจะทำให้มีความพร้อมในการบริการประชาชน ส่งต่อผู้ป่วย หากเกิดความแออัดของโรงพยาบาล. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศเย็น อัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วน “เหนือ กลาง ตะวันออก” มีฝนตกบางแห่ง อัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

ศึกชิงทำเนียบขาว 2024 : “ทรัมป์ 2.0” นำไปสู่กาลอวสานระเบียบโลก ?

นายโดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวคิดมองโลกแบบแหวกแนว ส่วนหนึ่งทำให้ได้ใจคนอเมริกัน แต่ส่วนหนึ่งทำให้ทั้งโลกปั่นป่วน วันนี้มีคำกล่าวจากผู้นำรัสเซียว่า ระเบียบโลกใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้น

มอบรางวัล “หมูเด้ง” ทายผล “ทรัมป์” ชนะเลือกตั้ง

มอบรางวัลผลไม้ถาดยักษ์ให้ “หมูเด้ง” หลังทำนายทายถูกว่า “ทรัมป์” ชนะเลือกตั้ง ด้าน ผอ.สวนสัตว์ฯ อวยยศให้เป็น “อาจารย์เด้ง”