กทม.25 พ.ค.-ผู้ว่าฯกทม.ตรวจเยี่ยมจุดบริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลแห่งที่ 8 ที่มหาวิทยาลัยหอการค้า 1ใน 25 หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานครและหอการค้าไทย
บ่ายวันนี้ (25พ.ค.)พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) ตรวจเยี่ยมจุดบริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล “หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร-หอการค้าไทย” ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยหอการค้า เขตดินแดง โดยมีนางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้บริหาร กทม.ผู้บริหารสำนักการแพทย์ สำนักอนามัย ผู้บริหารเขตดินแดง ผู้บริหารหอการค้าแห่งประเทศไทย ผู้บริหารมหาวิทยาลัยหอการค้า ผู้บริหารโรงพยาบาลกลาง และผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ
สำหรับจุดบริการฉีดวัคซีนนอก รพ. ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยหอการค้า เขตดินแดง เป็น 1 ใน 25 “หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร-หอการค้าไทย” ในการจัดสถานที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลและทดสอบระบบการให้บริการ เป็นความร่วมมือการให้บริการระหว่างกรุงเทพมหานคร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และโรงพยาบาลกลาง เพื่อทดสอบระบบการให้บริการวัคซีนตามขั้นตอน ซึ่งมีการเตรียมระบบให้วัคซีนที่ปลอดภัยและครบถ้วนจนถึงการดูแลและสังเกตอาการ
โดยตั้งเป้าหมายในการให้บริการฉีดวัคซีน จำนวน 2,000 – 2,500 คน/วัน ตั้งแต่เวลา 09.00 น. -16.00 น. โดยวันนี้ได้ทดสอบระบบโดยทำการฉีดวัคซีน 600 คน ให้แก่กลุ่มที่มีความเสี่ยง ได้แก่ พนักงานเก็บขน พนักงานกวาด ครูและบุคลากรทางการศึกษาจากสำนักงานเขตดินแดง อาสาสมัคร พนักงานขายอาหาร และต่อไปจะฉีดให้กลุ่มเป้าหมายอาชีพเสี่ยงอื่น ๆ ที่สำนักอนามัยได้นำเข้าข้อมูลไว้ในระบบของ กทม. อาทิ ผู้ที่ขับรถยนต์สาธารณะ พนักงานเก็บค่าโดยสารสาธารณะ พนักงานเก็บขน พนักงานกวาด จากสำนักงานเขต คนขับแท็กซี่ วินจักรยานยนต์ พนักงานขนส่งอาหารต่างๆ ผู้มีอาชีพผู้ดูแลผู้สูงอายุ เจ้าหน้าที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็กเล็ก และบุคลากรทางการศึกษา เป็นต้น
สำหรับกลุ่มอาชีพเสี่ยงอื่น ๆ จะได้รับการพิจารณาให้ได้รับวัคซีน ในลำดับถัดมา ขึ้นอยู่กับปริมาณวัคซีนที่ได้รับจัดสรร โดยกทม. จะเร่งขยายสถานที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลให้ครบตามเป้าหมาย 25 แห่งทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานครเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการเดินทางมาฉีดวัคซีน ภายในวันที่ 2 มิ.ย.64
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครร่วมมือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โรงพยาบาลเครือข่าย ได้เปิด “หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19” นอกรพ. เพื่อทดสอบระบบการให้บริการแล้ว 6 แห่ง ประกอบด้วย 1.เซ็นทรัล ลาดพร้าว ร่วมกับโรงพยาบาลรามาธิบดี 2. สามย่านมิตรทาวน์ ร่วมกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 3. เดอะมอลล์ บางกะปิ ร่วมกับโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี 4. บิ๊กซี บางบอน ร่วมกับโรงพยาบาลเครือบางปะกอก 5. สยามพารากอน ร่วมกับโรงพยาบาลกรุงเทพ 6. เซ็นทรัลพลาซ่า ปิ่นเกล้า ร่วมกับโรงพยาบาลวชิรพยาบาล และ7.โลตัส มีนบุรี ร่วมกับโรงพยาบาลเครือบางปะกอก
อนึ่ง กรุงเทพมหานครร่วมมือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โรงพยาบาลเครือข่าย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดเตรียมสถานที่ฉีดวัคซีนของภาคเอกชนเพื่อให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 นอกโรงพยาบาล พร้อมให้บริการ 14 แห่ง ได้แก่ 1. เซ็นทรัล ลาดพร้าว ร่วมกับโรงพยาบาลรามาธิบดี 2. เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ร่วมกับโรงพยาบาลวชิรพยาบาล 3. ไอคอนสยาม ร่วมกับโรงพยาบาลศิริราช 4. True Digital Park ร่วมกับโรงพยาบาลศิริราช 5. สามย่านมิตรทาวน์ ร่วมกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 6. SCG บางซื่อ ร่วมกับกรมการแพทย์ 7. เดอะมอลล์ บางกะปิ ร่วมกับโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี 8. เดอะมอลล์ บางแค ร่วมกับมหาวิทยาลัยสยาม โดยคณะแพทยศาสตร์และคณะพยาบาลศาสตร์ 9. ธัญญาพาร์ค ร่วมกับโรงพยาบาลเครือบางปะกอก 10. เอเชียทีค ร่วมกับโรงพยาบาลเครือบางปะกอก 11. โรบินสัน ลาดกระบัง ร่วมกับโรงพยาบาลเครือบางปะกอก 12. โลตัส มีนบุรี ร่วมกับโรงพยาบาลเครือบางปะกอก 13. บิ๊กซี บางบอน ร่วมกับโรงพยาบาลเครือบางปะกอก และ 14. PTT Station พระราม 2 ร่วมกับโรงพยาบาลเครือบางปะกอก และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้เสนอสถานที่ฉีดวัคซีนเพิ่มเติมอีก 11 แห่ง
ซึ่งขณะนี้เปิดให้บริการแล้ว 1 แห่ง ณ สยามพารากอน ร่วมกับโรงพยาบาลกรุงเทพ ที่เหลือ 10 แห่ง อยู่ระหว่างการดำเนินการเตรียมพร้อมอุปกรณ์และบุคลากร โดยสำนักอนามัยจะลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยเพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด และเมื่อสามารถเปิดให้บริการ“หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร-หอการค้าไทย”ในพื้นที่กรุงเทพมหานครได้ครบทั้ง 25 แห่ง แต่ละแห่งจะมีศักยภาพการให้บริการฉีดวัคซีนอยู่ที่ 1,000-3,000 คน/วัน รวมสามารถให้บริการได้ 38,000-50,000 คน/วัน นอกจากนี้“หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร-หอการค้าไทย”ทุกแห่งจะเปิดให้บริการต่อเนื่อง 7 เดือน เพื่อให้การบริการวัคซีนเป็นไปอย่างทั่วถึง รวดเร็วและปลอดภัยสำหรับประชาชนสูงสุด .-สำนักข่าวไทย