กรมราชทัณฑ์ จ.นนทบุรี 14 พ.ค.-ราชทัณฑ์ยืนยันยอดผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19 เป็นการตรวจแบบ 100% แจงไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ เผยญาติสามารถสอบถามที่เรือนจำได้โดยตรง
นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ชี้แจงความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน ประจำวันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคม 2564
นพ.วีระกิตติ์ เปิดเผยถึงสาเหตุการพบยอดผู้ติดเชื้อจำนวนมากในระยะ เวลารวดเร็ว สืบเนื่องจากวันที่ 7 พฤษภาคม 2564 กรมราชทัณฑ์ได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษ ให้มาประจำอยู่ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อดำเนินการตรวจวิเคราะห์หาเชื้อตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2564 พร้อมทั้งได้รับการสนับสนุนเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ มาร่วมตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR แบบ 100% ตลอด 24 ชั่วโมง จนถึงวันที่ 12 พฤษภาคม 2564ในผู้ต้องขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและทัณฑสถานหญิงกลาง จนสามารถตรวจแล้วเสร็จ 100% ทำให้สามารถแยกกลุ่มเป้าหมายที่ติดเชื้อและกลุ่มที่ยังไม่ติดเชื้อแยกจากกันได้อย่างทันท่วงที ทำให้พบผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากตามที่ได้นำเสนอไปแล้ว ซึ่งในกลุ่มผู้ติดเชื้อดังกล่าว ได้ดำเนินการ X-ray ปอดทุกรายโดยรถพระราชทานในโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เพื่อค้นหาผู้ป่วยที่อาจมีภาวะ แทรกซ้อนปอดอักเสบได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งมีการแยกผู้ป่วยตามลักษณะอาการเพื่อดำเนินการรักษาได้อย่างตรงจุด และด้วยการตรวจพบเชื้อที่มากขึ้นในระยะเวลาที่รวดเร็ว จึงจำเป็นต้องมีการยืนยันผลเพื่อป้องกันการรายงานผลที่คลาดเคลื่อน ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินการเพื่อให้ได้ยอดการรายงานที่เป็นยอดแท้จริง จากการตรวจคัดกรองแบบ 100% ในระยะเวลา 4-5 วันในคราวเดียวกัน จนกระทั่งได้จำนวนผู้ติดเชื้อที่เป็นยอดแท้จริงก่อนรายงานไปยังศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ดังกล่าว
นพ.วีระกิตติ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมราชทัณฑ์ไม่ได้มีการปกปิดข้อมูลผู้ติดเชื้อแต่อย่างใด ที่ผ่านมาหากผู้ต้องขังที่ติดเชื้อรายใดต้องการแจ้งให้ญาติภายนอกทราบ ทางเรือนจำและทัณฑสถานจะมีเจ้าหน้าที่คอยดำเนินการแจ้งไปยังญาติผู้ต้องขังแต่ละรายเป็นการเฉพาะอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของผู้ต้องขังว่าต้องการแจ้งญาติหรือไม่ เนื่องจากไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลรายชื่อผู้ป่วย รวมถึงข้อมูลอื่นใดแก่บุคคลภายนอกได้ ยกเว้นหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพราะอาจเป็นการกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลของผู้ต้องขัง อย่างไรก็ตามหากญาติผู้ต้องขังรายใดที่มีความกังวลใจ สามารถติดต่อสอบถามที่เรือนจำและทัณฑสถานที่ผู้ต้องขังถูกคุมขังอยู่ได้
พร้อมกันนี้ กรมราชทัณฑ์ขอชี้แจงเพิ่มเติมกรณีที่มีผู้โพสต์ในสื่อออนไลน์ โดยอ้างว่า น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง ไม่ได้ถูกกักตัวตลอดเวลาระหว่างวันที่ 23 เมษายน–5 พฤษภาคม 2564 ตามที่ได้ชี้แจงไปแล้วนั้น ขอเรียนว่า น.ส.ปนัสยาได้ถูกกักตัวในห้องกักโรคจนถึงวันที่ 25 เมษายน 2564 ตามนโยบายเดิมของกรมราชทัณฑ์ที่ให้กักตัวเป็นระยะเวลา 14 วัน
แต่ในช่วงดังกล่าวได้มีนโยบายใหม่ให้กักตัวผู้ต้องขังแรกรับและผู้ต้องขังออกศาลเพิ่มเติมเป็นระยะเวลา 21 วัน ซึ่งอาจทำให้ผู้ต้องขังเกิดความเครียดจากการกักตัวที่ใช้ระยะเวลานานได้ จึงมีการผ่อนคลายโดยให้ผู้ต้องขังที่ออกจากห้องกักโรคได้ออกมาผ่อนคลายภายในแดนแรกรับ ซึ่งเป็นแดนที่เตรียมไว้สำหรับผู้ต้องขังเข้าใหม่ เพื่อสังเกตโรค ทั้งทางร่างกาย และจิตใจเป็นระยะเวลาต่อเนื่องประมาณ 1-3 เดือน เพื่อให้ผู้ต้องขังเข้าใหม่ทุกรายได้ปรับตัวเข้ากับการใช้ชีวิตในทัณฑสถาน โดยอาจมีกิจกรรมเล็กน้อย เช่น การอ่านหนังสือ
ซึ่งในแดนแรกรับดังกล่าว จะมีพื้นที่ครอบคลุมในส่วนของห้องกักโรค ที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของแดนแรกรับเช่นเดียวกัน โดยมีผู้ต้องขังทั้งแดนอยู่ที่ประมาณ 1,500 ราย ซึ่งเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2564 กรมราชทัณฑ์ ได้ดำเนินการตรวจหาเชื้อผู้ต้องขังในแดนแรกรับทั้งหมดแบบ 100% ไม่ปรากฏว่ามีผู้ต้องขังรายใดที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งรวมถึงผู้ต้องขังที่พักร่วมห้องกับ น.ส.ปนัสยา เอง ก็ไม่พบว่ามีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเรื่องจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดล่าสุดภายในเรือนจำนั้น ในเอกสารข่าวดังกล่าวไม่มีการรายงาน ขณะที่ในการแถลงข่าวของ ศบค.วันนี้ ระบุว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 2,256 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,073 ราย และมาจากผู้ต้องขังในเรือนจำ 183 ราย .-สำนักข่าวไทย