กฟผ.สนองนโยบายลดใช้แอลพีจี แจกเตาไฟฟ้าและให้ส่วนลด


กรุงเทพฯ 30 เม.ย. – กฟผ.สนองนโยบาย “สุพัฒนพงษ์”ลดใช้แอลพีจี  แจกเตาไฟฟ้าและให้ส่วนลด 500 บาท ในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 53  ย้ำมุ่งสู่ความยั่งยืนด้วยพลังงานสะอาด ขับเคลื่อนสู่สังคมไร้คาร์บอน

วานนี้ (29 เม.ย. ) นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ปาฐกถาพิเศษเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนา กฟผ. ครบรอบ 52 ปี ผ่านระบบออนไลน์ โดยมีนายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ กฟผ. พร้อมคณะผู้บริหารและพนักงานเข้าร่วมรับฟัง


นายกุลิศ  กล่าวชื่นชมพนักงาน กฟผ. ที่ทุ่มเททำหน้าที่ในการยืนหยัดรักษาความมั่นคงด้านพลังงานให้มีความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง ท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงการจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ เจลและสเปรย์แอลกอฮอล์ ผลิตตู้คตรวจโวิด และสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ มอบให้แก่โรงพยาบาลและประชาชน พร้อม

ส่วนภาพรวมทิศทางพลังงานโลกว่า ปัจจุบันกำลังให้ความสำคัญต่อการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutrality)  ซึ่งหากประเทศไทยไม่มีมาตรการที่ชัดเจนก็จะได้รับผลกระทบทางการค้าจากมาตรการกีดกันในอนาคตอันใกล้อย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้กระทรวงพลังงานต้องกำหนดกรอบนโยบายภายใต้แผนพลังงานชาติ (NEP2022) ซึ่งอยู่ระหว่างจัดทำ เพื่อรองรับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคพลังงาน โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนของพลังงานหมุนเวียนมากกว่าร้อยละ 30

การก้าวสู่ปีที่ 53 ของ กฟผ. ต้องปรับตัว ตั้งแต่ภารกิจต้นน้ำในการผลิตไฟฟ้าต้องเพิ่มโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด เช่น  การลงทุนโครงการโซลาร์ลอยน้ำไฮบริดในเขื่อนของ กฟผ. โครงการโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานีชุดที่ 1-2 ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm) เพื่อส่งไฟฟ้าให้กับภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการเดินหน้าธุรกิจซื้อขายและรับรองเครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certification) ซึ่ง กฟผ. เป็นผู้รับรองใบอนุญาตรายเดียวในประเทศไทยเพื่อให้ผู้ใช้ไฟฟ้านำไปรับรองคาร์บอนเครดิต


สำหรับภารกิจกลางน้ำในเรื่องระบบส่งไฟฟ้าต้องพัฒนาสู่โครงข่ายอัจฉริยะ (Smart Grid) ที่สามารถรับซื้อไฟจากพลังงานหมุนเวียนกลับเข้าสู่ระบบโดยศูนย์ควบคุมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (RE Control Center) ควบคู่กับการติดตั้งแบตเตอรี่ที่สถานีจ่ายไฟฟ้าย่อยเพื่อเสริมความมั่นคง การซื้อขายไฟฟ้ากับประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงการแก้ไข พ.ร.บ.กฟผ. เพื่อรองรับธุรกิจนำเข้า LNG

ส่วนภารกิจปลายน้ำในส่วนของผู้ใช้ไฟฟ้าหลังมิเตอร์รองรับการพัฒนาสู่เมืองอัจฉริยะ โดยเฉพาะการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่เป็นพลังงานสะอาด ลดปัญหา PM 2.5 ซึ่ง กฟผ. ได้ดำเนินการร่วมกับพันธมิตรขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Charging Station) พัฒนาแอพพลิเคชัน นำร่องวินจักรยานยนต์ไฟฟ้า

นอกจากนี้ยังมอบหมายให้ กฟผ. เร่งศึกษาธุรกิจภายใต้บริษัทที่ร่วมทุนกับ RATCH และ EGCO ในการต่อยอดนวัตกรรมสู่เชิงพาณิชย์ รวมถึงร่วมลงทุนกับสตาร์ทอัพที่น่าสนใจเพื่อเดินหน้าสู่ธุรกิจใหม่ ๆ ที่หลากหลาย แสวงหาโอกาสในการต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

ด้านนายบุญญนิตย์  กล่าวว่า  กฟผ.มุ่งมั่นที่จะก้าวไปสู่ความยั่งยืนด้วยพลังงานสะอาด   การเดินหน้าสู่ธุรกิจ EGAT EV Business เพื่อตอบโจทย์พลังงานสะอาด แต่การเปลี่ยนผ่านพลังงาน ไม่สามารถทำได้แบบพลิกฝ่ามือด้วยบริบทของประเทศและข้อจำกัดของพลังงานหมุนเวียน ยังมีความจำเป็นต้องพึ่งพาโรงไฟฟ้าหลักเพื่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้า ประชาชนมีไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอและต่อเนื่อง รวมถึงช่วยรักษาสมดุลค่าไฟฟ้าของประเทศให้อยู่ในราคาที่เหมาะสม

กฟผ. ยังให้ความสำคัญในการดูแลสังคมชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง และพร้อมเคียงข้างคนไทยในทุกวิกฤตภายใต้แนวคิด EGAT for ALL กฟผ. ล่าสุด กฟผ. ร่วมกับพนังานและบริษัทในกลุ่ม กฟผ. ได้ร่วมบริจาคเงินเพื่อซื้อเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็นเร่งด่วนให้กับโรงพยาบาลต่าง ๆ สำหรับดูแลผู้ป่วยโควิด-19 รวมมูลค่ากว่า 80 ล้านบาท

ในขณะเดียวกัน กฟผ. ยังร่วมกับพันธมิตรส่งมอบความสุขให้กับคนไทย ด้วยการมอบสิทธิ์ส่วนลด 500 บาท แก่ประชาชนที่ต้องการซื้อเตาไฟฟ้าเบอร์ 5 จำนวน 10,000 สิทธิ์ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. – 30 มิ.ย. 64 พร้อมร่วมลุ้นรางวัลเตาไฟฟ้าเบอร์ 5 ฟรี จำนวน 53 เครื่อง เพียงร่วมถ่ายภาพคู่กับผลิตภัณฑ์ที่ติดฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 และเขียนเหตุผลที่เลือกใช้ พร้อมติดแฮชแทค #กฟผ ก้าวสู่ปีที่53 #มากกว่าประหยัดไฟฟ้าเบอร์5คืออากาศที่ดีขึ้น #EGATforALL ส่งภาพและข้อความใต้โพสต์กิจกรรมในเพจ Facebook : กฟผ. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เพื่อชวนคนไทยร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอากาศที่ดีผ่านการใช้เตาไฟฟ้าเบอร์ 5

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การส่งเสริมการใช้เตาไฟฟ้าเป็นนโยบายที่ดำเนินการตาม นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์  รองนายกรัฐฒนตรี และ รมว.พลังงาน เคยให้ให้ส่งเสริมการใช้เตาไฟฟ้า เพื่อลดการใช้ก๊าซหุงต้มในครัวเรือน เป็นส่วนหนึ่งในการลดการอุดหนุนราคาด้วยเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ในขณะนี้มีวงเงินสูงเกือบ  1.2 หมื่นล้านบาท   -สำนักข่าวไทย

————————————————

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง