สธ. 23 เม.ย.-กรมควบคุมโรคเล็งปรับมาตรการคุมโควิด ในกทม. หลังยอดป่วย พุ่งสูง 740 คน ในสัปดาห์หน้า ส่วนจังหวัดอื่นคุมได้ดีไม่ต้องปรับ ย้ำ การระบาดลามจากวงสถานบันเทิง ครอบครัว ที่ทำงาน ชุมชน
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า การฉีดวัคซีนในไทยขณะนี้ยอดรวมอยู่ที่ 964,825 โดสใน 77 จังหวัด โดยเข็มที่ 1ฉีดแล้ว 834,082 คน เข็มที่ 2 ฉีดแล้ว 130,743 คน โดยคาดว่าพรุ่งนี้ยอดการฉีดวัคซีนของไทยน่าจะถึง 1,000,000 โดส ส่วนสถานการณ์การติดเชื้อในไทย ยอดผู้ติดเชื้อกำลังไต่ขึ้นสูงแบบกราฟระฆังคว่ำ โดยภายหลังพบว่าอัตราการเสียชีวิต เริ่มพบมากขึ้น ส่วนใหญ่มาจากโรคอ้วน ปอดอักเสบและไตวาย แต่หากเปรียบเทียบการระบาดครั้งนี้กับปี 2563 พบว่าอัตราการตายไม่แตกต่างปัจจุบันอัตราตายอยู่ที่ ร้อยละ 0.13 และพบว่าการติดเชื้อยังพบใน กทม.740 คน เชียงใหม่ 237 คน ชลบุรี 125 คน สมุทรปราการ 79 คน นครราชสีมา 69 คน
นพ.โอภาส กล่าวว่า การระบาดในรอบนี้พบการกระจาย จากสถานบันเทิง มาครอบครัว และลามไปในที่ทำงานมากขึ้น บางจังหวัด หยุดการระบาดไว้ที่ ครอบครัวและบางพื้นที่ ลามไปถึงในชุมชน ซึ่งพื้นที่ กทม.กำลังพบการติดเชื้อทั้งในครอบครัว ที่ทำงานและในชุมชน ที่มาจากการพบปะ รวมกลุ่มกันจำนวนมาก ดังนั้น ขอให้ประชาชน เฝ้าระวังและร่วมกันลดความเสี่ยง ด้วยการงดการทำกิจกรรม นอกบ้าน หรือพบปะพูดคุยกัน
อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่ากราฟผู้ป่วยจะลดลงเมื่อไหร่ เนื่องจากเพิ่งเริ่มดำเนินการมาตรการไปไม่นาน กว่าจะเห็นผลคาดต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์ โดยจะมีการประมาณสถานการณ์การติดเชื้อใหม่ในสัปดาห์หน้า และ พิจารณาออกมาตรการ โดยอาจมีมาตรการเฉพาะบางพื้นที่ อย่างกทม. ที่มีอัตราการติดเชื้อสูง ต่อไปจะไม่มีมาตรการเหมือนกันทุกจังหวัด เพราะจังหวัดอื่นควบคุมได้ดี
นพ.โอภาส กล่าวว่า สำหรับอาการของผู้ป่วยที่พบมากขึ้นในการระบาดระลอกภาวะปอดอักเสบมากขึ้น เร็วขึ้น ระบบการหายใจล้มเหลวต้องใส่ท่อช่วยหายใจเพิ่มมากขึ้น แต่ยังบอกเป็นระบุเป็นตัวเลขได้ กลุ่มเสี่ยงยังเหมือนเดิมคือผู้สูงอายุ ถ้าเป็นคนอายุน้อยความเสี่ยงจะเป็นภาวะอ้วน เพราะทำให้ปอดขยายตัวไม่ค่อยดี นอกจากนี้ยังเป็นคนมีโรคหัวใจ เบาหวาน หัวใจ ปอด และโรคไต ซึ่งระยะหลังพบมากขึ้น อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนการรักษาเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย