กรุงเทพฯ 17 พ.ย.-อสังหาฯ ยังซบเซา กู้ไม่ผ่านมีสัดส่วนสูง “เสนา” เร่งแผน “เช่าออมบ้าน” ส่งแรงหนุน กระตุ้นยอดขายท้ายปี
นางสาวอธิกา บุญรอดชู ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดสรรเงินทุนและการลงทุน บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA กล่าวว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว ยังต้องอยู่กับความท้าทายจากปัจจัยลบต่างๆ โดยเฉพาะหนี้สินครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน และราคาบ้านที่ปรับตัวสูง เมื่อเทียบกับรายได้ที่ปรับขึ้นของคนไทย ส่งผลให้ผู้ประกอบการมียอดยกเลิกจากการกู้ไม่ผ่านเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งกระทบต่อความสามารถในการขอกู้ซื้อที่อยู่อาศัยของลูกค้า ดังนั้นในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ กลุ่มบริษัทเสนายังคงให้ความสำคัญกับ LivNex เช่าออมบ้าน เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงินมั่นใจทยอยรับรู้รายได้จากสัญญาเช่าออมบ้านภายใน 3 ปีจากนี้
ภาพดังกล่าวมีผลต่ผลประกอบการของกลุ่มบริษัทในช่วง 9 เดือนของปี 67ที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มียอดขายและยอดขายของสินค้าประเภท Rent To Own เช่าออมบ้าน (LivNex) รวมทั้งสิ้น 9,817 ล้านบาท ประกอบด้วยยอดขาย 8,441ล้านบาท และเป็นยอดขายของสินค้าประเภท Rent To Own เช่าออมบ้าน (LivNex) 1,376 ล้านบาท
ทั้งนี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีรายได้จากยอดโอนกรรมสิทธิ์ 4,364.19 ล้านบาท (ยอดก่อนหักส่วนลดเงินสด) โดยเป็นยอดโอนกรรมสิทธิ์จากกิจการร่วมค้า 3,223.19 ล้านบาท และยอดโอนจากเสนาและบริษัทย่อย 1,141.00 ล้านบาท และในส่วนของสินค้าประเภท Rent To Own เช่าออมบ้าน (LivNex) มียอดทำสัญญาจำนวน 186 ยูนิต มูลค่า 330 ล้านบาท
โดยการรับรู้รายได้ของสินค้าประเภท Rent To Own เช่าออมบ้าน (LivNex) จะรับรู้รายได้เป็นค่าเช่า ซึ่งในปัจจุบันลูกค้าประเภท Rent To Own เช่าออมบ้าน (LivNex) มียอดทำสัญญาสะสมทั้งสิ้น 381 ยูนิต มูลค่า 700 ล้านบาท (รวมยอดลูกค้าสะสมถึงสิ้นปี 2566 จำนวน 195 ยูนิต มูลค่า 370 ล้านบาท) คิดเป็นรายได้จากสินค้าประเภท Rent To Own เช่าออมบ้าน (LivNex) 3 – 4 ล้านบาทต่อเดือน และคาดว่าจะสามารถทยอยรับรู้รายได้จากสัญญาเช่าออมบ้านได้ในช่วง 3 ปีต่อจากนี้
สำหรับในภาพรวม เมื่อพิจารณาความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นของแต่ละประเภทธุรกิจ จะเห็นว่าบริษัทมีความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นในช่วง 9 เดือนของปีนี้ เท่ากับ 36.71% เพิ่มขึ้น 2.13% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นเกิดจากความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ถึงแม้ว่ายอดโอนกรรมสิทธิ์จะลดลง แต่บริษัทก็มีความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นได้ดีกว่าเดิมจากอัตรากำไรขั้นต้น 30.96% เป็น 36.06% เพิ่มขึ้น 5.09% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยในไตรมาส 4 ของปีนี้ กลุ่มบริษัทมีโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมรับรู้รายได้อีก 6 โครงการ ซึ่งปัจจุบันกำลังทยอยรับรู้รายได้ในช่วงสุดท้ายของปี และบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ทั้งหมด ประมาณ 5,818 ล้านบาท อีกทั้งยังมีสินค้าคงเหลือขายอีกมูลค่า 52,362 ล้านบาท โดยในจำนวนดังกล่าวมีสินค้าที่สร้างเสร็จแล้วพร้อมขายแล้วโอนรับรู้รายได้ทันทีประมาณ 13,941 ล้านบาท
ธุรกิจรับจ้างบริหารโครงการมีรายได้ใกล้เคียงเดิม เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สำหรับความสามารถในการทำกำไรลดลง 8.55% ซึ่งเกิดจากค่าการตลาดที่โครงการจะต้องใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อเรียกยอดขาย ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและยังไม่มีปัจจัยที่ส่งเสริมการขายอสังหาริมทรัพย์
ในส่วนธุรกิจสนามกอล์ฟ มีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับช่วง High Season ในช่วงปลายปีนี้ ส่วนธุรกิจเช่า และบริการอื่นๆ อพาร์ทเม้นท์, โกดัง, ศูนย์การค้าเสนาเฟสท์ รายได้และกำไรขั้นต้นอยู่ในระดับใกล้เคียงเดิม
ธุรกิจพลังงานสะอาดมีรายได้เพิ่มขึ้น 19.00% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีกำไรขั้นต้น 38.56 % ลดลงจากปีก่อนหน้า 8.88% ซึ่งส่วนใหญ่รายได้มาจากการรับจ้างติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาบ้านเพื่อขาย ของกลุ่มบริษัทเสนาจึงทำให้ความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นลดลง.-511.-สำนักข่าวไทย