กรุงเทพฯ 29 มี.ค.-โครงการรถไฟความเร็วสูงไทยจีนลงนามเพิ่มอีก 3 สัญญา วงเงินกว่า 27,000 ล้านบาท โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยืนยันงานก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเฟสแรก กรุงเทพ-นครราชสีมา จะแล้วเสร็จ ในปลายปี 2569 หรือต้นปี 2570
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาการก่อสร้างโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพมหานคร – หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ. – นครราชสีมา) จำนวน 3 สัญญา ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทยและบริษัทคู่สัญญา ซึ่งนายศักดิ์สยามกล่าวว่า การลงนามในครั้งนี้ถือเป็นการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่จะเชื่อมความสัมพันธ์ไทย-จีน โดยมี 3สัญญาวงเงินรวมกว่า 27,527 ล้านบาท
ทั้งนี้ ทั้ง 3 สัญญา ประกอบด้วย สัญญาที่ 4-3 งานโยธาสำหรับช่วงนวนคร-บ้านโพ เป็นงานโครงสร้างทางรถไฟยกระดับ 23 กิโลเมตร งานก่อสร้างทางวิ่งเข้าศูนย์ซ่อมบำรุง วงเงินก่อสร้างกว่า 11,525 ล้านบาท สัญญาที่ 4-4 งานโยธาสำหรับศูนย์ซ่อมบำรุงเชียงรากน้อย วงเงินก่อสร้าง 6,573 ล้านบาท และสัญญาที่ 4-6 งานโยธาสำหรับช่วงพระแก้ว-สระบุรี วงเงินก่อสร้าง 9,428,9 ล้านบาท โดยทั้ง 3 สัญญา มีกำหนดแล้วเสร็จพร้อมกัน โดยโครงการรถไฟความเร็วสูงระยะที่ 1 ช่วง กรุงเทพ-นครราชสีมา จะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2569 อย่างช้าปี 2570
สำหรับภาพรวมของโครงการระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ – นครราชสีมา มีทั้งหมด 14 สัญญา ลงนามก่อสร้างได้แล้ว 10 สัญญา เหลือเพียง 4 สัญญาที่ยังติดปัญหาข้อพิพาททางกฎหมาย ซึ่งจะเร่งแก้ปัญหาและเดินหน้าให้ได้ภายในปีนี้ และการก่อสร้างโครงการจะทำได้ตามเป้าหมาย ในอนาคตจะมีการขยายเส้นทางลงใต้ เชื่อมโยงไปยังมาเลเซียและสิงคโปร์ ผ่านจุดตัดสำคัญคือ แลนด์บริดจ์ ที่จะเชื่อมอ่าวไทยและอันดามัน ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ครบวงจร ส่วนความคืบหน้าของการขยายเส้นทางรถไฟไทย-จีน จากช่วง นครราชสีมา-หนองคาย ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะสามารถสรุปได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้
ด้านนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เปิดเผยว่า โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพมหานคร – หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ – นครราชสีมา) ถือเป็นเส้นทางที่มีความสำคัญเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมแห่งศตวรรษที่ 21 (Belt and Road Initiative: BRI) ที่เชื่อมโยงโครงข่ายระบบรางของไทย อาเซียนและจีนให้เป็นหนึ่งเดียว โดยเมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จจะเป็นการยกระดับมาตรฐานรถไฟไทย ให้มีความก้าวหน้า เป็นการลงทุนเพื่อวางรากฐานความมั่นคงด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของไทยในระยะยาว สนับสนุนให้ประเทศเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ของภูมิภาค สร้างโอกาสใหม่ทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว กระจายรายได้ นำความเจริญสู่ท้องถิ่นตลอดแนวเส้นทางโครงการ .-สำนักข่าวไทย