กรุงเทพฯ 25 ต.ค.-“พิชัย” รมว.คลัง เตรียมนำเสนอการแก้ไขสัญญารถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน (อู่ตะเภา-สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง) เข้าสู่ที่ประชุม ครม. วันอังคารหน้า (29 ต.ค.) โดย “สุริยะ” รมว.คมนาคม พร้อมเดินหน้าโครงการไฮสปีดเชื่อมสามสนามบิน ย้ำชัด “ไม่แก้สัญญาเพื่อเอื้อเอกชน”
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) กล่าวว่า จะมีการนำเสนอการแก้ไขสัญญารถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน (อู่ตะเภา-สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง) เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันอังคารหน้า (29 ต.ค.) โดยจะเป็นปรับแก้ในรายละเอียดเล็กน้อย ส่วนที่มีข้อครหาว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนนั้น นายพิชัย กล่าวว่า ก็ขอให้ดูว่า สุดท้ายแล้วในรายละเอียดของสัญญาจะแก้ไขออกมาอย่างไร
โดยก่อนหน้านี้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เปิดเผยถึงกรณีที่นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ออกมากล่าวอ้าง พร้อมกับโพสต์ในสื่อออนไลน์ โดยระบุว่า ตนจะไม่แก้ไขสัญญาโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินนั้น เป็นความเข้าใจที่คาดเคลื่อนของนายสุรเชษฐ์
โดยตนขอชี้แจงว่าในการอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 ที่กล่าวตอบข้อซักถาม ของ นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ไปอย่างชัดเจนว่า ตนไม่มีนโยบายในการแก้ไขสัญญา “เพื่อเอื้อเอกชน” อย่างแน่นอน ซึ่งในขณะนั้น ทางเอกชนจะขอเปลี่ยนสัญญา เป็นรูปแบบทำไปจ่ายไป โดยไม่มีหลักค้ำประกัน ซึ่งผมเห็นว่ามีความเสี่ยงต่อการทิ้งงานและจะก่อให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง
ขณะเดียวกันทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้มีความคิดเห็นตรงกันว่า โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน เป็นโครงการที่มีประโยชน์มหาศาลทั้งในพื้นที่ EEC และประเทศชาติ และต้องการให้ การดำเนินโครงการไม่หยุดชะงัก ดังนั้นทุกฝ่ายจึงได้มีหารือกัน เพื่อให้โครงการฯดำเนินการต่อได้ โดยมีความโปร่งใสทุกขั้นตอนและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
หลังจาก การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เข้าไปเจรจา กับภาคเอกชน จนได้ข้อสรุปการแก้ไขปรับปรุงสัญญาที่เหมาะสม ให้บรรลุข้อตกลงให้โครงการสำเร็จตามแผน โดยระบุให้เอกชนต้องวางหลักค้ำประกันความสำเร็จของการเปิดเดินรถไฟในโครงการดังกล่าว โดยหากเอกชนทำไม่สำเร็จทางรัฐจะยึดหลักประกันทันที เพื่อนำมาสานต่อโครงการให้สำเร็จต่อไป
นายสุริยะ กล่าวเพิ่มว่า การปรับปรุงสัญญาครั้งนี้ “ไม่ได้เอื้อต่อเอกชน” แต่ทำเพื่อให้โครงการดังกล่าวสำเร็จและประชาชนจะได้รับประโยชน์สูงสุด โดยรัฐจะไม่เสียหายอย่างแน่นอน.-513.-สำนักข่าวไทย