นครราชสีมา 29 ส.ค. – เหตุอุโมงค์รถไฟความเร็วสูง พังถล่มทับคนงาน ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เข้าสู่วันที่ 5 ของการค้นหาช่วยเหลือ พบร่างแรงงานชาวเมียนมา 1 ราย เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งมือช่วยเหลือคนงานอีก 2 คน
หลังจากเมื่อช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่ ได้นำรถหน่วยกู้ชีพนำศพคนงานชาวเมียนมา ซึ่งเป็นผู้ประสบภัยคนแรกในเหตุการณ์อุโมงค์รถไฟความเร็วสูงถล่ม ออกมาจากจุดเกิดเหตุ และได้นำไปส่งให้แพทย์ชันสูตรที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัด เปิดเผยว่า ศพชาวเมียนมาอยู่ข้างๆ รถบรรทุกดิน เสียชีวิตประมาณ 3-5 วัน
จากนั้นช่วงเวลา ประมาณ 14.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางลงพื้นที่อุโมงค์รถไฟความเร็วสูงถล่ม เป็นครั้งที่ 3 เพื่อติดตามสถานการณ์ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา บรรยายสรุปในบริเวรศูนย์บัญชาการหน้าอุโมงค์ใช้เวลา นานกว่า 50 นาที
นายอนุทิน ชาญวีรกูล เปิดเผยว่า ได้พบคนงานคนแรกอยู่ข้างรถบรรทุกประเมินแล้วขาดน้ำขาดอากาศซึ่งในอุโมงค์มีสภาพอากาศที่ค่อนข้างแย่ยิ่งกว่าฝุ่น PM 2.5 และสาเหตุการเสียชีวิตมีหลายปัจจัย ส่วนการตรวจสอบอัตลักษณ์สัญชาติขอให้แน่นอนอีกครั้ง เบื้องต้นในอุโมงค์มีแค่ 2 สัญชาติ เท่านั้น มีชาวจีน 2 คน และชาวเมียนมา 1 คน อย่างไรก็ตามทีมกู้ภัยยังคงต้องค้นหาต่อไป ส่วนเครื่องสแกนยังใช้ค้นหาคนงานที่ติดอีก 2 คน หากตรงไหนภายในอุโมงค์มีการเคลื่อนไหว เจ้าหน้าที่จะเร่งขุดทันทีหากพบสัญญาณการเคลื่อนไหวจะใช้สุนัข K9 ในการตรวจสอบควบคู่กัน
ขณะนี้อุปสรรคยังคงเป็นหินเช่นเดิม ที่ขุดลำบาก แต่ทีมก็วางแผนเพื่อกู้ภัยให้สำเร็จ แต่เพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากอาจจะเกิดอันตรายได้ตลอดเวลา และนอกจากนี้ยังได้คำแนะนำจากสภาวิศวกร ในการให้คำแนะนำในการกู้ภัยในครั้งนี้
ด้านแผนการช่วยเหลือคนงานอีก 2 คน ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ให้ข้อมูลว่า จะใช้วิธีการเดียวกันกับค้นหาคนงานคนแรก โดยให้สุนัข K9 ดมกลิ่นนำทางชี้พิกัด ทำงานควบคู่กับเครื่องจับสัญญาณการเคลื่อนไหว หากจุดตรงกัน จะใช้กล้องสอดเข้าไปพิสูจน์ เบื้องต้นจากข้อมูลแรงคนที่2 อยู่ห่างจากคนแรก 4 เมตร จากนั้นจะใช้การขุดทั้งมือและเครื่องจักรสลับกันไปและในช่วงเย็นที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ได้นำสุนัข K9 กลับเดินทางเข้าไปภายในอุโมงค์อีกครั้งเพื่อพิสูจน์เข้าไปการเคลื่อนไหวภายในอุโมงค์
นอกจากนั้นยังได้มีภาคเอกชนได้นำโดรน เข้ามาช่วยสำรวจโดยตรวจจับอุณหภูมิความร้อน โดยมีเลเซอร์สแกนรอบตัวเพื่อสร้างภาพสามมิติในพื้นที่โดยจะใช้โดรนเข้าไปในสำรวจในพื้นที่เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ใช้ประโยชน์ในการวางแผนต่อไป .-สำนักข่าวไทย