กรุงเทพฯ 9 มี.ค. – ปลัด ทส. สั่งกรมป่าไม้และกรมอุทยานฯ เพิ่มกำลังควบคุมไฟป่า รวมทั้งให้ใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อผู้ลับลอบเผา ประสานทุกหน่วยงานระดมดับไฟและจุดความร้อนที่เพิ่มขึ้นมากในภาคเหนือจนหลายพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 รุนแรงในเกณฑ์ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกล่าวว่า สั่งการให้ทุกหน่วยงานในภาคเหนือดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำปาง และตาก เนื่องจากมีการลักลอบเผาในพื้นที่ป่ามากขึ้น ล่าสุดกรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชเพิ่มกำลังในการลาดตระเวนร่วมกับเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานปกครอง และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที รวมถึงระดมอุปกรณ์เครื่องมือ ยานพาหนะ และอากาศยานมาสนับสนุนการเผชิญเหตุเพื่อเร่งควบคุมและดับไฟโดยเร็ว โดยเฉพาะในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ลำปาง และเชียงใหม่ ได้นำเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และกรมฝนหลวงและการบินเกษตรบินโปรยน้ำดับไฟในพื้นที่ป่า นอกจากนี้ในหลายจังหวัดประกาศห้ามเผาโดยเด็ดขาดจนถึงวันที่ 30 เมษายน รวมทั้งให้บังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืนอย่างเข้มงวด ซึ่งเป็นการลักลอบเผาทั้งเพื่อทำเกษตรในพื้นที่ป่า หาของป่า และจงใจสร้างความเสียหาย โดยมีโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปี และมีโทษปรับตั้งแต่ 4 แสนบาทถึง 2 ล้านบาท หรือมีโทษทั้งจำทั้งปรับ
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) รายงานผลการเกิดจุดความร้อนจากดาวเทียม Suomi NPP ระบบ VIIRS บันทึกข้อมูลวานนี้ (8 มี.ค.) ปรากฏว่า จุดความร้อนภาคเหนือ 1,494 จุด พบมากที่สุดที่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน 465 จุด เชียงใหม่ 355 จุด และลำปาง 193 จุด หากจำแนกจุดความร้อนตามการใช้ประโยชน์ที่ดินพบว่า มีในป่าอนุรักษ์ 865 จุด (ป่าคงสภาพ 836 จุดและเกษตรในป่า 29 จุด) ป่าสงวนแห่งชาติ 517 จุด (ป่าคงสภาพ 432 จุดและเกษตรในป่า 85 จุด) พื้นที่เกษตร 82 จุด และพื้นที่ชุมชน 30 จุด ส่วนจุดความร้อนรายประเทศพบมากที่สุดที่ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ 6,336 จุด ไทย 1,737 จุด และกัมพูชา 1,531 จุด จึงมอบหมายให้กรมควบคุมมลพิษเฝ้าระวังผลกระทบจากหมอกควันข้ามแดนที่มีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อจังหวัดในภาคเหนือตอนบน โดยให้ประสานไปยังสำนักงานเลขาธิการอาเซียนเพื่อขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านในการลดและควบคุมการเผาในที่โล่ง
สำหรับการเฝ้าระวังสถานการณ์ฝุ่นละอองในพื้นที่เมือง ปลัด ทส. สั่งการให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดในภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำปาง เชียงราย พะเยา และตาก ประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการตามแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองอย่างเข้มงวดเช่น การเข้มงวดการตรวจควันดำรถยนต์ เพื่อลดการซ้ำเติมปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง PM 2.5 และขอให้แต่ละจังหวัดเพิ่มเติมการชี้แจงทำความเข้าใจและให้ข้อมูลแก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพได้อย่างเท่าทันต่อสถานการณ์ . – สำนักข่าวไทย