“ภราดร” ขนสื่อสภา ทัวร์โครงการของบฯปรับปรุงส่วนที่รับผิดชอบ

รัฐสภา 7 พ.ค.-“ภราดร” ขนสื่อสภา ทัวร์โครงการของบฯ 69 ปรับปรุงส่วนที่รับผิดชอบ มอบโจทย์เจ้าหน้าที่ต้องสร้าง “พิพิธภัณฑ์” ที่มีชีวิต คุ้มค่า ใช้ประโยชน์ได้จริง พบ “ห้องสัมมนาจัดเลี้ยง” ไฟไม่พอ บอกเปิดสุดได้แค่นี้ ระบบเสียงไม่มี เชื่อทำครั้งเดียวได้ประโยชน์ยาว

นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 นำสื่อมวลชนประจำรัฐสภาเดินชมบริเวณอาคารรัฐสภา ซึ่งเป็นประเด็นเรื่องชงการใช้งบประมาณปรับปรุงพื้นที่ในส่วนต่างๆ ที่นายภราดร รับผิดชอบ


โดยเริ่มจากห้องจัดเลี้ยงสัมมนาที่สามารถรองรับคนได้ 1,500 คน ชั้นB2 ที่ของบประมาณไป 99 ล้านบาท นายภราดรได้ชี้ให้ดูไฟในห้องที่มีความสลัวก่อนกล่าวว่า ตนได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าเปิดสุดแล้วหรือยัง ซึ่งได้รับคำตอบว่าเปิดสุดได้แค่นี้ ห้องก็โล่ง ระบบเสียงก็ไม่มี พร้อมปรบมือให้เห็นว่าห้องมีเสียงก้องไม่เก็บเสียง เมื่อทางเจ้าหน้าที่ของบฯมา ตนก็ขอให้คำนึงถึงความจำเป็น ห้องประชุมนี้เคยใช้ประชุม APPF แต่ต้องเช่าระบบเสียงหลายล้านบาท และในการประชุมจัดใหญ่ระดับประเทศจำเป็นต้องไปเช่าโรงแรมราคาสูง จึงคิดว่าหากมีห้องที่พร้อมใช้งานไว้ก็จะเป็นประโยชน์ โดยนอกจากสมาชิกรัฐสภาแล้วประชาชนสามารถขอใช้ห้องในการจัดงานต่างๆได้

จากนั้นได้พาคณะไปยังโซนพิพิธภัณฑ์รัฐสภา บริเวณชั้น MB1 ชั้น1 และชั้น11ซึ่งเป็นจัดเดียวกับเครื่องยอดของอาคารรัฐสภา ซึ่งมีพื้นที่ทั้งหมด 6,000 ตารางเมตร นายภราด กล่าวว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวยังได้ไม่ใช้ประโยชน์เลย ซึ่งได้ให้โจทย์ไปว่าเราต้องมีพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต การนำเสนอจะต้องนำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ ตั้งใจจะทำให้ทันสมัยเพราะพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทยมีน้อยที่จะดีเหมือนต่างประเทศ


สำหรับพิพิธภัณฑ์ทำแล้วจะคุ้มค่าหรือไม่นั้น นายภราดร กล่าวว่า ตรงนี้จะกลายเป็นศูนย์การเรียนรู้ในด้านการเมืองการปกครอง งานนิติบัญญัติ จะคุ้มค่าหรือไม่ต้องดูว่าสิ่งที่ได้กับการลงทุนมากน้อยแค่ไหน หลักใหญ่ตนให้โจทย์ว่าคนที่มาแล้วอยากจะกลับมาอีก เชื่อว่าจะกลายเป็นอีกจุดเช็คอินอีกหนึ่งที่ นอกจากเครื่องยอดแล้ว

ภายหลังการเดินชมพื้นที่ดังกล่าว นายภราดร กล่าวว่า ตนได้พาไปดูในส่วนที่เป็นข่าว 2 ส่วนคือพิพิธภัณฑ์ และห้องสัมมนาที่จุคนได้ 1,500 ที่นั่ง โดยห้องสัมมนานั้นวัตถุประสงค์คือตั้งใจที่จะใช้เป็นห้องสัมมนาขนาดใหญ่ ไม่ใช่เฉพาะของสภาผู้แทนราษฎรแต่รวมถึงพี่น้องประชาชนทั่วไปด้วยที่ประสงค์จะใช้ห้องประชุมขนาดใหญ่และสามารถขอใช้กับสภาผู้แทนราษฎรได้ และจากที่พาไปดูจะว่าระบบแสง และไม่มีระบบเสียง ซึ่งเราเคยจัดงานไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เราต้องไปจ้างระบบเสียงและแสงรวมถึงโต๊ะที่นั่ง ค่าบริหารจัดการเป็นล้านบาท ยังไม่รวมถึงการจัดงานประชุมระดับประเทศที่ผ่านมาก็เพิ่งจะจัดไป เราต้องไปเช่าห้องสัมมนาของโรงแรมที่จะจัดงานของสภาฯ และใช้เงินอีกมากพอสมควร ฉะนั้น ทางประธานสภาฯก็ดำริว่าเมื่อเรามีห้องเป็นของเราแล้วจำเป็นที่จะต้องนำพื้นที่ที่ว่างเปล่ามาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุดเพื่อบริการให้กับประชาชนด้วย ซึ่งเป็นหนึ่งโครงการที่ทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ได้ขอสู่สำนักงบประมาณไป

นายภราดร กล่าวว่า ส่วนของพิพิธภัณฑ์ที่หลายคนได้มาสภาฯ คงจะเห็นในส่วนที่มีการจัดไว้ชั่วคราวซึ่งเป็นส่วนแค่เล็กๆ เท่านั้น โดยพื้นที่ทั้งหมดมี 3 ชั้นคือชั้น MB1 ชั้น 1 และชั้น 11 รวมทั้งหมด 6,000 ตารางเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ใหญ่พอสมควร โดยในแบบเตรียมไว้เพื่อทำพิพิธภัณฑ์ ซึ่งทางสภาฯเห็นว่าเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน และมีประชาชนเข้ามาเยี่ยมชมจำนวนมากในแต่ละวัน รวมถึงพิพิธภัณฑ์จะเป็นแหล่งเรียนรู้ใหม่ ที่เปิดกว้างให้ประชาชนเข้ามายังสภาฯ โดยประเทศที่เจริญแล้วอย่างประเทศอังกฤษจะเห็นว่ามีพิพิธภัณฑ์อยู่ทั่วเมืองเต็มไปหมด ที่แสดงถึงประวัติศาสตร์ด้านต่างๆ เราจึงอยากให้ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ของประชาชนในเรื่องของการเมืองการปกครอง นิติวิธีในกระบวนการของรัฐสภาจึงได้ให้โจทย์กับทางกลุ่มงานพิพิธภัณฑ์ไปว่าพิพิธภัณฑ์จะต้องทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต คือคนเข้ามาแล้วต้องอยากที่จะกลับมาอีกและเมื่อกลับมาแล้วต้องมีสิ่งที่มาเปลี่ยนแปลงไป และบริการให้กับพี่น้องประชาชน


รองประธานสภาฯ คนที่ 2 กล่าวว่า ในการพิจารณาโครงการในต่างๆ มีหลักใหญ่ 3 หลักคือ 1.หลักความจำเป็น 2. เมื่อดูความจำเป็นแล้วโครงการนั้นความคุ้มค่ากับงบประมาณที่จะใช้หรือไม่ และ 3. หลักของความโปร่งใสและตรวจสอบได้ โดยตนเชื่อว่าทั้งนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ และนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่ 1 ในฝ่ายนโยบายก็ได้ให้กับนโยบายกับข้าราชการเรื่องความโปร่งใสที่ตรวจสอบได้ รวมถึงเรื่องของความคุ้มค่าของงบประมาณที่ได้ขอดำเนินการต่างๆ ก็ต้องเน้นถึงความจำเป็น แต่อย่างไรก็ตาม โครงการต่างๆที่สภาฯได้ขอไปยังอยู่ในขั้นตอน ยังไม่ได้รับการอนุมัติ ซึ่งเดือนพ.ค. จะมีการพิจารณางบประมาณ ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของ สส. ที่จะมีการเปิดโครงการของหน่วยงานต่างๆ รวมถึงสภาฯด้วยว่า ได้ของบประมาณในส่วนไหนไปบ้าง หากกรรมาธิการงบประมาณเห็นว่าโครงการไหนไม่มีความจำเป็นทางกรรมาธิการก็สามารถปรับลดงบประมาณในส่วนที่ไม่มีความจำเป็นได้ในชั้นวาระ 2 และทาง สส. ในห้องประชุมใหญ่ก็สามารถขอแปรญัตติ เพื่อปรับลดงบประมาณได้ ฉะนั้น จึงเป็นเพียงแค่แนวทางของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ที่ได้เสนอของบประมาณขึ้นไป ส่วนจะอนุมัติหรือไม่ก็อยู่ที่ผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการที่จะพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ต่อไป

เมื่อถามว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่างบประมาณที่ขอไปมีความไม่คุ้มค่า ต้องมีการไปกำชับเรื่องลดทอนให้น้อยลงหรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า ในส่วนของตนที่ได้พาไปดูห้องประชุม 1,500 ที่นั่ง ตอนแรกงบประมาณที่ทำเสนอมา น่าจะประมาณ 170 ล้านบาท ตนจึงให้โจทย์กับหน่วยงานไปว่าต้องไปเชิญผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านนี้หลายเจ้าเพื่อมาปรึกษาและพูดคุยกันว่างบประมาณที่ทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ได้ตั้งมาว่ามากเกินไปหรือไม่ สุดท้ายจึงได้นำเสนอขึ้นมาใหม่คือ 99 ล้านบาท ลดไปประมาณเกือบครึ่งหนึ่ง จึงเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถปรับลดได้ เช่นเดียวกันในชั้นของกรรมาธิการงบประมาณ ที่สามารถจะปรับลดหรือตัดออกทั้งโครงการก็ได้ ฉะนั้น เป็นอำนาจของกรรมาธิการหากเห็นว่าโครงการนี้จำเป็นหรือไม่ ถ้าไม่มีความจำเป็นกรรมาธิการงบประมาณก็สามารถที่จะตัดทิ้งได้ หรือหากไม่คุ้มค่ากรรมาธิการก็สามารถปรับลดงบประมาณลงได้ จึงเป็นส่วนหนึ่งของกรรมาธิการที่จะไปดำเนินการ

เมื่อถามว่า นอกจากพิพิธภัณฑ์และห้องสัมมนา 1,500 ที่นั่ง ในส่วนอื่นที่นายภราดรไม่ได้ดู อาจจะถูกวิจารณ์เหมือนกันจะต้องมีการทำความเข้าใจอย่างไร นายภราดร กล่าวว่า ที่ตนพูดได้ใน 2 ส่วนคือเพราะตนเป็นคนดู ในส่วนอื่นตนไม่ได้รับผิดชอบ และไม่ได้เป็นผู้เริ่มต้นจึงไม่รู้วัตถุประสงค์ของคนตั้งมาเขาตั้งเพราะอะไร มีความจำเป็นมากแค่ไหนตนไม่ทราบ จึงต้องลองไปถามทางหน่วยงาน

เมื่อถามถึงกรณีที่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภาฯ ระบุว่างานน่าจะเสร็จตั้งแต่ก่อนรับงานแล้วหรือไม่ ทำไมต้องมาทำเพิ่มเติม นายภราดรกล่าวว่า ตนเข้าใจว่าในแบบแปลนใหญ่ มีทั้งพิพิธภัณฑ์และห้องประชุมขนาดใหญ่ในการเตรียมพื้นที่เอาไว้ ส่วนในการรับงานที่ผ่านมาของสภาฯ ที่รับงานครั้งแรกไป น่าจะไม่รวมถึงในส่วนของพิพิธภัณฑ์และห้องประชุม ไม่เช่นนั้นฝ่ายตรวจรับงานเขาตรวจไม่ได้

“ข้าราชการไม่กล้าตรวจรับงาน ถ้าตรวจรับงานไปด้วยงานที่ไม่สมบูรณ์แบบตามแบบ ติดคุกนะ ผมจึงเชื่อว่าเขาไม่กล้าทำ แต่จากที่ผมทราบเบื้องต้นด้วยเงินงบประมาณที่ทางสภาฯ ได้ก่อสร้างเริ่มแรกพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดน่าจะประมาณ 300,000 กว่าตารางเมตร แต่เมื่อสร้างจริงกลายเป็น 400,000 ตารางเมตร หมายความว่าจำเป็นจะต้องปรับลดเนื้องานเป็นบางส่วน ในส่วนที่กำลังจะสร้างหรือกำลังจะต่อเติมอาจจะอยู่ในส่วนที่ตัดออกไป ซึ่งผมเชื่อว่าด้วยคณะกรรมการตรวจรับของสภาฯ คงไม่ชุ่ยขนาดนั้น” นายภราดร กล่าว.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.ตร.รับทราบเหตุปะทะเดือดสงขลา ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กต่าย” พยักหน้ารับทราบ เหตุปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ พื้นที่ จ.สงขลา ระบุขอเข้าประชุมก่อน พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาประชุมร่วมกับกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ได้รับรายงานเรื่องการปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่บ้านห้วยเต่า สงขลา แล้วหรือไม่ โดยพลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบคำถาม ระบุเพียงว่าขอเข้าประชุมก่อน -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์ ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์โผล่วันจับ “ทิดอลงกต” ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ พบพิรุธ ยังไม่มารายงานตัว พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทิดอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ที่มีการเปิดเผยออกมาว่า ตลกชื่อ 3 พยางค์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินวัดพระบาทน้ำพุด้วย ว่า มีตลกอีก 1 คนที่ยังเป็นเป้าหมายยังไม่ได้มาแสดงตัวและยังไม่ได้มาให้การ พนักงานสอบสวนจะเรียกมาเอง ซึ่งพบพิรุธเยอะว่าทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามวิธีการที่ทำในการเข้าไปช่วยเหลือ ทิดอลงกต ในการขนย้ายสิ่งของ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญ และไม่เหมือนดาราท่านอื่น ที่เป็นการรับจ้างงาน แต่คนนี้น่าจะเป็นคนที่สนิทส่วนตัว เป็นคนที่เคยถูกดำเนินคดีอยู่ เมื่อถามว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่าเป็นคนลึกลับซับซ้อน ซึ่งเป็นคนที่เคยโผล่ให้เห็นในวันที่ทิดอลงกตถูกจับ -สำนักข่าวไทย

พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที จนท.สวนสัตว์ ลงจากรถ แล้วถูกสิงโตตะปบรุมขย้ำ

กทม. 10 ก.ย.-พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที สิงโตตะปบเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ จากนั้นสิงโตอีก 5 ตัว รุมขย้ำ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนหรือร้องขอความช่วยเหลือ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือในคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต ก็พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างล่างของรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้า เข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที ก็มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาทางข้างหลังช้าๆ ก่อนจะตะครุบเข้าข้างหลังเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวทันที โดยที่เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าที ขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้น สิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ เดินตามมารุมกัดตามที่ปรากฏในคลิป ตนเองไม่รู้จะต้องทำอย่างไร ทำได้เพียงแต่บีบแตรรถ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคันอื่น ที่ช่วยกันบีบแตร ผ่านไปประมาณ 10 […]

สิงโตสวนสัตว์เอกชน ลาก จนท.ไปรุมกัด สาหัส

กทม. 10 ก.ย.-สิงโตในสวนสัตว์เอกชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลากไปรุมกัด อาการสาหัส นักท่องเที่ยวบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.68) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ ภายในสวนสัตว์ของเอกชน จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร โดยไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท จึงทำให้ถูกสิงโตรุมทำร้าย เบื้องต้นอาการสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ประสานพนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์มาสอบปากคำ และลงบันทึกประจำวัน โดยยังไม่มีญาติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายมาแจ้งความแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ได้ บริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วขนาดใหญ่เปิดให้รถเข้า-ออก เป็นพื้นที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านใน มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามเปิดกระจกและห้ามลงจากรถ ด้านในจะมีรถของสวนสัตว์จอดดูแลความปลอดภัย และบางช่วงมีการจัดแสดงโชว์ให้อาหารสิงโตที่อยู่ด้านใน.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ผลักดัน “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว 7 คน กลับกัมพูชา

จันทบุรี 12 ก.ย. – ตม.ศรีสะเกษ ประสาน ตม.จันทบุรี ส่งตัว “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว รวม 7 คน กลับกัมพูชา หลังถูกกล่าวหาเป็นไส้ศึก และถูกชาวบ้านรวมตัวขับไล่ ทั้งยังพบอาศัยอยู่ในไทยอย่างผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดศรีสะเกษ นำตัวนางเขื่อน ชาวกัมพูชา และสมาชิกครอบครัว รวมทั้งหมด 7 คน เดินทางไปที่ด่านผ่านแดนถาวรบ้านแหลม จ.จันทบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจันทบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รอรับตัวอยู่ก่อนแล้ว เพื่อผลักดันกลับประเทศกัมพูชา เนื่องจากที่ผ่านมา นางเขื่อน ถูกชาวบ้านในพื้นที่ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ รวมตัวกันขับไล่ หลังจากถูกกล่าวหาว่าเป็น “ไส้ศึก” คอยส่งข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของทหารไทยให้กับฝ่ายกัมพูชา และยังพบว่าทั้งหมดอาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย จึงดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายและระเบียบการต่างประเทศ เพื่อส่งตัวกลับภูมิลำเนา. – สำนักข่าวไทย

“ชัชชาติ” ยืนยันไม่ลาออกผู้ว่าฯ กทม. ก่อนครบวาระ

กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – “ชัชชาติ” ยืนยันไม่ลาออกผู้ว่าฯ กทม. ก่อนครบวาระ งบปี 69 เน้นเส้นเลือดฝอยคู่เส้นเลือดใหญ่ สถานการณ์น้ำตอนนี้ เตรียมรับน้ำเหนือ-พายุ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมวิสามัญ สมัยแรก (ครั้งที่ 1) ประจำปีพุทธศักราช 2568 ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า วันนี้เป็นการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วาระที่สองและวาระที่สาม ซึ่งจะมีการพิจารณาเรื่องนี้อย่างเข้มข้น เนื่องจากกว่า 30 วันที่ผ่านมา น่าจะได้ข้อสรุปว่าจะเพิ่มหรือลดงบประมาณอย่างไร ในจุดไหนบ้าง โดยผ่านกระบวนการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน สำหรับงบประมาณส่วนใหญ่ได้ตามที่ตั้งเสนอของบฯ ไว้ โดยจะเน้นงบประมาณลงพื้นที่เขตมากขึ้น เช่น การก่อสร้างและปรับปรุงถนน การก่อสร้างฝายถนน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายเส้นเลือดฝอย รวมถึงงบประมาณที่จะพัฒนาเส้นเลือดใหญ่ เช่น ก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ การติดตั้งเซ็นเซอร์วัดการสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวที่จะติดตั้งบนอาคารสูงของโรงพยาบาลแห่งใหม่ ก็ได้ตามที่เสนอของบประมาณไว้ […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

เขื่อนเจ้าพระยาระบายแตะ 2,000 ลบ.ม./วินาที หน่วงน้ำเขื่อนป่าสักฯ

กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – กรมชลประทานจะระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 2,000 ลบ.ม./วินาที ช่วงบ่ายวันนี้ ห่วงผลกระทบพื้นที่ด้านท้าย จึงปรับลดการระบายจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อให้น้ำเหนือระบายสู่อ่าวไทยได้มีประสิทธิภาพขึ้น ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ กรมชลประทาน ระบุว่า เช้าวันนี้ที่สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,101 ลบ.ม./วินาที และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเมื่อคืนที่ผ่านมากรมชลประทานได้ปรับเพิ่มการระบายจากเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท จาก 1,900 ลบ.ม./วินาที เป็น 1,950 ลบ.ม./วินาที ทั้งนี้บริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ด้วยการหน่วงน้ำไว้ด้านเหนือ พร้อมรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งตามศักยภาพของคลอง แต่เนื่องจากปริมาณน้ำที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นดังกล่าว จะทำให้มีพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำบริเวณด้านเหนือเขื่อนที่ได้รับผลกระทบได้แก่ กรมชลประทานจำเป็นต้องทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาตั้งแต่ 10.00 น. เป็นต้นไป จากอัตรา 1,950 ลบ.ม./วินาที ให้เป็น 2,000 ลบ.ม./วินาที ภายในเวลา 15.00 น. ของวันนี้ (12 ก.ย.) และคงอัตราดังกล่าวต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำทางตอนบนและฝนที่ตกในระยะนี้ […]