“ภราดร” ขนสื่อสภา ทัวร์โครงการของบฯปรับปรุงส่วนที่รับผิดชอบ

รัฐสภา 7 พ.ค.-“ภราดร” ขนสื่อสภา ทัวร์โครงการของบฯ 69 ปรับปรุงส่วนที่รับผิดชอบ มอบโจทย์เจ้าหน้าที่ต้องสร้าง “พิพิธภัณฑ์” ที่มีชีวิต คุ้มค่า ใช้ประโยชน์ได้จริง พบ “ห้องสัมมนาจัดเลี้ยง” ไฟไม่พอ บอกเปิดสุดได้แค่นี้ ระบบเสียงไม่มี เชื่อทำครั้งเดียวได้ประโยชน์ยาว

นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 นำสื่อมวลชนประจำรัฐสภาเดินชมบริเวณอาคารรัฐสภา ซึ่งเป็นประเด็นเรื่องชงการใช้งบประมาณปรับปรุงพื้นที่ในส่วนต่างๆ ที่นายภราดร รับผิดชอบ


โดยเริ่มจากห้องจัดเลี้ยงสัมมนาที่สามารถรองรับคนได้ 1,500 คน ชั้นB2 ที่ของบประมาณไป 99 ล้านบาท นายภราดรได้ชี้ให้ดูไฟในห้องที่มีความสลัวก่อนกล่าวว่า ตนได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าเปิดสุดแล้วหรือยัง ซึ่งได้รับคำตอบว่าเปิดสุดได้แค่นี้ ห้องก็โล่ง ระบบเสียงก็ไม่มี พร้อมปรบมือให้เห็นว่าห้องมีเสียงก้องไม่เก็บเสียง เมื่อทางเจ้าหน้าที่ของบฯมา ตนก็ขอให้คำนึงถึงความจำเป็น ห้องประชุมนี้เคยใช้ประชุม APPF แต่ต้องเช่าระบบเสียงหลายล้านบาท และในการประชุมจัดใหญ่ระดับประเทศจำเป็นต้องไปเช่าโรงแรมราคาสูง จึงคิดว่าหากมีห้องที่พร้อมใช้งานไว้ก็จะเป็นประโยชน์ โดยนอกจากสมาชิกรัฐสภาแล้วประชาชนสามารถขอใช้ห้องในการจัดงานต่างๆได้

จากนั้นได้พาคณะไปยังโซนพิพิธภัณฑ์รัฐสภา บริเวณชั้น MB1 ชั้น1 และชั้น11ซึ่งเป็นจัดเดียวกับเครื่องยอดของอาคารรัฐสภา ซึ่งมีพื้นที่ทั้งหมด 6,000 ตารางเมตร นายภราด กล่าวว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวยังได้ไม่ใช้ประโยชน์เลย ซึ่งได้ให้โจทย์ไปว่าเราต้องมีพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต การนำเสนอจะต้องนำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ ตั้งใจจะทำให้ทันสมัยเพราะพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทยมีน้อยที่จะดีเหมือนต่างประเทศ


สำหรับพิพิธภัณฑ์ทำแล้วจะคุ้มค่าหรือไม่นั้น นายภราดร กล่าวว่า ตรงนี้จะกลายเป็นศูนย์การเรียนรู้ในด้านการเมืองการปกครอง งานนิติบัญญัติ จะคุ้มค่าหรือไม่ต้องดูว่าสิ่งที่ได้กับการลงทุนมากน้อยแค่ไหน หลักใหญ่ตนให้โจทย์ว่าคนที่มาแล้วอยากจะกลับมาอีก เชื่อว่าจะกลายเป็นอีกจุดเช็คอินอีกหนึ่งที่ นอกจากเครื่องยอดแล้ว

ภายหลังการเดินชมพื้นที่ดังกล่าว นายภราดร กล่าวว่า ตนได้พาไปดูในส่วนที่เป็นข่าว 2 ส่วนคือพิพิธภัณฑ์ และห้องสัมมนาที่จุคนได้ 1,500 ที่นั่ง โดยห้องสัมมนานั้นวัตถุประสงค์คือตั้งใจที่จะใช้เป็นห้องสัมมนาขนาดใหญ่ ไม่ใช่เฉพาะของสภาผู้แทนราษฎรแต่รวมถึงพี่น้องประชาชนทั่วไปด้วยที่ประสงค์จะใช้ห้องประชุมขนาดใหญ่และสามารถขอใช้กับสภาผู้แทนราษฎรได้ และจากที่พาไปดูจะว่าระบบแสง และไม่มีระบบเสียง ซึ่งเราเคยจัดงานไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เราต้องไปจ้างระบบเสียงและแสงรวมถึงโต๊ะที่นั่ง ค่าบริหารจัดการเป็นล้านบาท ยังไม่รวมถึงการจัดงานประชุมระดับประเทศที่ผ่านมาก็เพิ่งจะจัดไป เราต้องไปเช่าห้องสัมมนาของโรงแรมที่จะจัดงานของสภาฯ และใช้เงินอีกมากพอสมควร ฉะนั้น ทางประธานสภาฯก็ดำริว่าเมื่อเรามีห้องเป็นของเราแล้วจำเป็นที่จะต้องนำพื้นที่ที่ว่างเปล่ามาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุดเพื่อบริการให้กับประชาชนด้วย ซึ่งเป็นหนึ่งโครงการที่ทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ได้ขอสู่สำนักงบประมาณไป

นายภราดร กล่าวว่า ส่วนของพิพิธภัณฑ์ที่หลายคนได้มาสภาฯ คงจะเห็นในส่วนที่มีการจัดไว้ชั่วคราวซึ่งเป็นส่วนแค่เล็กๆ เท่านั้น โดยพื้นที่ทั้งหมดมี 3 ชั้นคือชั้น MB1 ชั้น 1 และชั้น 11 รวมทั้งหมด 6,000 ตารางเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ใหญ่พอสมควร โดยในแบบเตรียมไว้เพื่อทำพิพิธภัณฑ์ ซึ่งทางสภาฯเห็นว่าเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน และมีประชาชนเข้ามาเยี่ยมชมจำนวนมากในแต่ละวัน รวมถึงพิพิธภัณฑ์จะเป็นแหล่งเรียนรู้ใหม่ ที่เปิดกว้างให้ประชาชนเข้ามายังสภาฯ โดยประเทศที่เจริญแล้วอย่างประเทศอังกฤษจะเห็นว่ามีพิพิธภัณฑ์อยู่ทั่วเมืองเต็มไปหมด ที่แสดงถึงประวัติศาสตร์ด้านต่างๆ เราจึงอยากให้ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ของประชาชนในเรื่องของการเมืองการปกครอง นิติวิธีในกระบวนการของรัฐสภาจึงได้ให้โจทย์กับทางกลุ่มงานพิพิธภัณฑ์ไปว่าพิพิธภัณฑ์จะต้องทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต คือคนเข้ามาแล้วต้องอยากที่จะกลับมาอีกและเมื่อกลับมาแล้วต้องมีสิ่งที่มาเปลี่ยนแปลงไป และบริการให้กับพี่น้องประชาชน


รองประธานสภาฯ คนที่ 2 กล่าวว่า ในการพิจารณาโครงการในต่างๆ มีหลักใหญ่ 3 หลักคือ 1.หลักความจำเป็น 2. เมื่อดูความจำเป็นแล้วโครงการนั้นความคุ้มค่ากับงบประมาณที่จะใช้หรือไม่ และ 3. หลักของความโปร่งใสและตรวจสอบได้ โดยตนเชื่อว่าทั้งนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ และนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่ 1 ในฝ่ายนโยบายก็ได้ให้กับนโยบายกับข้าราชการเรื่องความโปร่งใสที่ตรวจสอบได้ รวมถึงเรื่องของความคุ้มค่าของงบประมาณที่ได้ขอดำเนินการต่างๆ ก็ต้องเน้นถึงความจำเป็น แต่อย่างไรก็ตาม โครงการต่างๆที่สภาฯได้ขอไปยังอยู่ในขั้นตอน ยังไม่ได้รับการอนุมัติ ซึ่งเดือนพ.ค. จะมีการพิจารณางบประมาณ ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของ สส. ที่จะมีการเปิดโครงการของหน่วยงานต่างๆ รวมถึงสภาฯด้วยว่า ได้ของบประมาณในส่วนไหนไปบ้าง หากกรรมาธิการงบประมาณเห็นว่าโครงการไหนไม่มีความจำเป็นทางกรรมาธิการก็สามารถปรับลดงบประมาณในส่วนที่ไม่มีความจำเป็นได้ในชั้นวาระ 2 และทาง สส. ในห้องประชุมใหญ่ก็สามารถขอแปรญัตติ เพื่อปรับลดงบประมาณได้ ฉะนั้น จึงเป็นเพียงแค่แนวทางของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ที่ได้เสนอของบประมาณขึ้นไป ส่วนจะอนุมัติหรือไม่ก็อยู่ที่ผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการที่จะพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ต่อไป

เมื่อถามว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่างบประมาณที่ขอไปมีความไม่คุ้มค่า ต้องมีการไปกำชับเรื่องลดทอนให้น้อยลงหรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า ในส่วนของตนที่ได้พาไปดูห้องประชุม 1,500 ที่นั่ง ตอนแรกงบประมาณที่ทำเสนอมา น่าจะประมาณ 170 ล้านบาท ตนจึงให้โจทย์กับหน่วยงานไปว่าต้องไปเชิญผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านนี้หลายเจ้าเพื่อมาปรึกษาและพูดคุยกันว่างบประมาณที่ทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ได้ตั้งมาว่ามากเกินไปหรือไม่ สุดท้ายจึงได้นำเสนอขึ้นมาใหม่คือ 99 ล้านบาท ลดไปประมาณเกือบครึ่งหนึ่ง จึงเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถปรับลดได้ เช่นเดียวกันในชั้นของกรรมาธิการงบประมาณ ที่สามารถจะปรับลดหรือตัดออกทั้งโครงการก็ได้ ฉะนั้น เป็นอำนาจของกรรมาธิการหากเห็นว่าโครงการนี้จำเป็นหรือไม่ ถ้าไม่มีความจำเป็นกรรมาธิการงบประมาณก็สามารถที่จะตัดทิ้งได้ หรือหากไม่คุ้มค่ากรรมาธิการก็สามารถปรับลดงบประมาณลงได้ จึงเป็นส่วนหนึ่งของกรรมาธิการที่จะไปดำเนินการ

เมื่อถามว่า นอกจากพิพิธภัณฑ์และห้องสัมมนา 1,500 ที่นั่ง ในส่วนอื่นที่นายภราดรไม่ได้ดู อาจจะถูกวิจารณ์เหมือนกันจะต้องมีการทำความเข้าใจอย่างไร นายภราดร กล่าวว่า ที่ตนพูดได้ใน 2 ส่วนคือเพราะตนเป็นคนดู ในส่วนอื่นตนไม่ได้รับผิดชอบ และไม่ได้เป็นผู้เริ่มต้นจึงไม่รู้วัตถุประสงค์ของคนตั้งมาเขาตั้งเพราะอะไร มีความจำเป็นมากแค่ไหนตนไม่ทราบ จึงต้องลองไปถามทางหน่วยงาน

เมื่อถามถึงกรณีที่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภาฯ ระบุว่างานน่าจะเสร็จตั้งแต่ก่อนรับงานแล้วหรือไม่ ทำไมต้องมาทำเพิ่มเติม นายภราดรกล่าวว่า ตนเข้าใจว่าในแบบแปลนใหญ่ มีทั้งพิพิธภัณฑ์และห้องประชุมขนาดใหญ่ในการเตรียมพื้นที่เอาไว้ ส่วนในการรับงานที่ผ่านมาของสภาฯ ที่รับงานครั้งแรกไป น่าจะไม่รวมถึงในส่วนของพิพิธภัณฑ์และห้องประชุม ไม่เช่นนั้นฝ่ายตรวจรับงานเขาตรวจไม่ได้

“ข้าราชการไม่กล้าตรวจรับงาน ถ้าตรวจรับงานไปด้วยงานที่ไม่สมบูรณ์แบบตามแบบ ติดคุกนะ ผมจึงเชื่อว่าเขาไม่กล้าทำ แต่จากที่ผมทราบเบื้องต้นด้วยเงินงบประมาณที่ทางสภาฯ ได้ก่อสร้างเริ่มแรกพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดน่าจะประมาณ 300,000 กว่าตารางเมตร แต่เมื่อสร้างจริงกลายเป็น 400,000 ตารางเมตร หมายความว่าจำเป็นจะต้องปรับลดเนื้องานเป็นบางส่วน ในส่วนที่กำลังจะสร้างหรือกำลังจะต่อเติมอาจจะอยู่ในส่วนที่ตัดออกไป ซึ่งผมเชื่อว่าด้วยคณะกรรมการตรวจรับของสภาฯ คงไม่ชุ่ยขนาดนั้น” นายภราดร กล่าว.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

น้ำท่วมเชียงใหม่

เชียงใหม่น้ำท่วมหลายชุมชน ปิดน้ำตก 3 แห่ง

เชียงใหม่ 26 พ.ค.-เชียงใหม่ฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก สั่งปิดน้ำตก 3 แห่ง เกรงจะเกิดอันตราย ขณะที่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ น้ำท่วมหลายชุมชน ระบายน้ำไม่ทัน บางจุดรถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ฝนตกหนัก ทั่วทั้งจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากลงลำห้วย ทางหัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ เชียงใหม่ สั่งปิดน้ำตก 3 แห่ง ทั้งน้ำตกแม่สา น้ำตกตาดหมอก อำเภอแม่ริม และน้ำตกหมอกฟ้า อำเภอแม่แตง เนื่องจากปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นและมีสีแดงขุ่น กระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก เกรงว่าจะเกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยว ขณะที่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ฝนที่ตกหนักบนดอยสุเทพ และในตัวเมืองเชียงใหม่ ทำให้น้ำป่าบนดอยสุเทพ ไหลหลากลงลำห้วยมาตามทางระบายน้ำและไหลลงลำคลองคูไหว ทำให้เอ่อล้น จนระบายน้ำไม่ทัน เข้าท่วมขังในชุมชนศรีปิงเมือง ชุมชนฟ้าใหม่ ชุมชนกาดก้อม ระดับน้ำท่วมขังสูง 30-50 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ทำให้ประชาชนและร้านค้าได้รับผลกระทบเป็นบริเวณกว้าง ประกอบกับนักเรียนกำลังเดินทางไปเรียน อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางเทสบาลนครเชียงใหม่ กำลังเร่งสูบระบายน้ำอย่างเร่งด่วน.-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม-ระวังน้ำท่วมฉับพลัน

กทม. 25 พ.ค.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยฝนตกหนักถึงหนักมาก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม กรมอุตุนิยมวิทยา เผยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ขอให้ประชาชนในบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกัน โดยการปรับปรุงระบบทางระบายน้ำในแปลงเพาะปลูก เพื่อลดผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย .-สำนักข่าวไทย

กว่า 130 ชม. ภารกิจสำเร็จ! กู้ร่างคนงานตกหลุมเสาเข็ม

กทม. 25 พ.ค.- ภารกิจสำเร็จ! ทีมกู้ภัยนำร่าง “นายดาว” คนงานพลัดตกหลุมเสาเข็ม ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ขึ้นมาด้านบนสำเร็จ หลังใช้เวลาปฏิบัติการกว่า 130 ชั่วโมง ความคืบหน้ากรณีนายศราวุฒิ หรือ นายดาว อายุ 33 ปี ชาวศรีสะเกษ คนงานที่พลัดตกลงไปในหลุมเสาเข็มความลึก 19 เมตร บริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บริเวณปากซอยหลานหลวง 6 และ 8 แขวงมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา เข้าสู่วันที่ 6 แล้ว หลังจากเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ได้คาดพิกัดที่อาจพบร่างผู้เสียชีวิตที่ระดับความลึก 11.5 เมตร ล่าสุดเมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 24 พ.ค. บริเวณซอยหลานหลวง 8 เจ้าหน้าที่ทีมกู้ภัย USAR และมูลนิธิร่วมกตัญญู ยังคงพยายามเร่งค้นหาเพื่อกู้ร่างนายศราวุฒิ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยมี […]

“บังยา บองหลาคิงส์” รุดจับแม่งูจงอาง ไล่ฉกชาวบ้านวิ่งป่าราบ

สงขลา 25 พ.ค.- ชาวสวนยางสงขลา ผวา! แม่งูจงอางหวงไข่ดุมาก ไล่ฉกเจ้าของสวนวิ่งป่าราบ ต้องหยุดกรีดยาง ร้อนถึง “บังยาบองหลาคิงส์” ราชางูจงอางภาคใต้ ต้องมาช่วยจับ บังยา บองหลาคิงส์ ราชางูจงอางของภาคใต้ ตีรถด่วนจาก จ.กระบี่ มาช่วยจับงูจงอางนอนฟักไข่เฝ้ารังอยู่ในป่าสวนยาง พื้นที่บ้านควนยาง หมู่ 9 ต.สำนักแต้ว อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นสวนยางของนายปรีชา อายุ 46 ปี ซึ่งตอนนี้เดือดร้อนมาก ไม่กล้าไปกรีดยางเพราะมีแม่งูจงอางมานอนฟักไข่เฝ้ารังติดกับต้นยาง ครั้งแรกที่ไปเจอตอนไปกรีดยางเมื่อ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา เกือบโดนฉกมาแล้วเพราะเข้าไปใกล้รัง จนต้องวิ่งหนีสุดชีวิต หลังจากนั้นก็ไม่กล้าขึ้นไปกรีดยางอีกเลย จนต้องแจ้งขอความช่วยเหลือไปยัง บังยา บองหลาคิงส์ ให้มาช่วยจับ เมื่อทีมงานบังยา บองหลาคิงส์ มาถึงก็ต้องเดินเท้าขึ้นไปที่ป่าสวนยาง ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านพอสมควร เมื่อไปถึงก็พบแม่งูจงอางตัวนี้นอนอยู่บนรังไม่ไปไหน และดุมากชูคอฉกตลอดเวลาหากเข้าใกล้ บังยาต้องหลอกล่ออยู่สักพักก็อาศัยจังหวะความนิ่งใช้มือเปล่าล็อกคอเอาไว้ได้ เป็นแม่งูสาวน่าจะท้องแรกหรือท้องสอง ยาวเกือบ 3 เมตร และเมื่อรื้อรังดูก็มีไข่อยู่ในรัง 28 ฟองและอีกไม่เกิน 10 […]

ข่าวแนะนำ

ทอ. ยันไม่มีภัยคุกคาม หลังพบเครื่องบินต้องสงสัยใกล้ชายแดน

กองทัพอากาศ 28 พ.ค.- ทอ. ยันไม่มีภัยคุกคามต่อประเทศ หลังตรวจพบเครื่องบินต้องสงสัยใกล้ชายแดนไทย บริเวณตรงข้าม อ.พบพระ จ.ตาก พล.อ.ท.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.03 น. กองทัพอากาศได้สั่งการให้เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 เครื่อง จากหน่วยบิน กองบิน 4 ปฏิบัติภารกิจการบินป้องกันทางอากาศ วิ่งขึ้นจากสนามบินตาคลี หลังหน่วยควบคุมอากาศยานและแจ้งเตือน ตรวจพบเครื่องบินต้องสงสัยใกล้ชายแดนไทย บริเวณตรงข้ามอำเภอพบพระ จังหวัดตาก เครื่องบินต้องสงสัยลำดังกล่าว เป็นอากาศยานสมรรถนะสูงแบบ YAK-130 มีทิศทางบินมุ่งเข้าสู่เขตแดนไทยในระยะใกล้ กองทัพอากาศ จึงสั่งการบินพิสูจน์ทราบและแสดงท่าทีป้องปราม ตามมาตรการปกติ เพื่อเฝ้าระวังและยืนยันสถานการณ์ จากการติดตามพบว่า เครื่องบินดังกล่าวได้เปลี่ยนทิศทางและออกจากเขตใกล้ชายแดนไทย ในเวลา 13.16 น. โดยไม่แสดงพฤติกรรมรุกราน หรือมีเจตนาเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศแต่อย่างใด “กองทัพอากาศ ขอยืนยันว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจปกติในการเฝ้าระวังป้องกันน่านฟ้า ซึ่งกองทัพอากาศดำเนินการอย่างเข้มแข็งและสม่ำเสมอ เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศ สร้างความปลอดภัย และความมั่นใจให้แก่ประชาชน” โฆษกกองทัพอากาศ กล่าว ทั้งนี้ […]

นายกฯ ถกปม ฮ.ตำรวจตก สั่งเร่งสำรวจอากาศยานทุกลำ

ทำเนียบ 28 พ.ค.- นายกฯ หารือ ผบ.ตร. รายงานข้อมูลอุบัติเหตุ ฮ.ตำรวจตก พบอากาศยานของกองบินตำรวจอายุใช้งานยาวนาน-ขาดการซ่อมบำรุงที่สมบูรณ์ สั่งเร่งสำรวจลำดับความสำคัญจัดงบฯ ซื้อใหม่ ห่วงสวัสดิภาพความปลอดภัยของ ตร. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียภายหลัง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เข้าพบบนตึกไทยคู่ฟ้า ว่า จากกรณีเครื่องบินของกองบินตำรวจประสบอุบัติเหตุตกในช่วงที่ผ่านมา วันนี้ดิฉันได้เรียนเชิญผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และกองบินตำรวจ มารายงานข้อมูลถึงสาเหตุของเหตุการณ์ รวมถึงแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต จากรายงานพบว่า อากาศยานของกองบินตำรวจ ทั้งเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ จำนวนมากมีอายุการใช้งานยาวนาน และขาดการซ่อมบำรุงที่สมบูรณ์ จนอาจเป็นอันตรายต่อการปฏิบัติภารกิจ ดิฉันได้สั่งการให้กองบินตำรวจเร่งสำรวจสถานะของอากาศยานทุกลำ ทั้งที่ยังใช้งานอยู่ อยู่ระหว่างซ่อมบำรุง หรือพิจารณาปลดประจำการ เพื่อจัดลำดับความสำคัญในการจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอ รวมถึงการจัดหาเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ใหม่ให้เหมาะสมกับภารกิจในอนาคต เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ปกป้องชีวิตและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน แต่ชีวิตความปลอดภัย และสวัสดิภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน .-316 -สำนักข่าวไทย

เสียงปืนสนั่นชายแดนพบพระ ผู้ปกครองไม่กล้าพาลูกไป รร.

ตาก 28 พ.ค. – เช้านี้สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ตึงเครียดหนัก ทหารกะเหรี่ยงและทหารเมียนมายิงปะทะกันด้วยอาวุธหนัก ติดชายแดน อ.พบพระ จ.ตาก ผู้ปกครองไม่กล้าพาบุตรหลานมาโรงเรียนแนวชายแดน และบางส่วนพึ่งหลุมหลบภัย เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เกิดความตึงเครียดบริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา โดยกองกำลังทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นแอลเอ ( KNLA ) พร้อมทหารหน่วยพิทักษ์ประชาชน (PDF) จำนวนมากพร้อมอาวุธครบมือ ซึ่งเป็นฝ่ายต่อต้านทหารเมียนมาได้บุกโจมตีทหารเมียนมา จากกองบังคับการควบคุมยุทธการที่ 13 จำนวนกว่า 70 คน ที่กำลังเดินทัพไปเสริมกำลังที่ฐานบ้านทิบาโบ แต่ระหว่างทางถูกทหารกะเหรี่ยงเข้าสกัดจนเกิดการยิงปะทะด้วยอาวุธหนักนานกว่า 1 ชั่วโมง ที่บริเวณสนามกีฬาบ้านส่งซี่เมี่ยน อำเภอซูการี จังหวัดเมียวดี ฝั่งตรงข้ามอำเภอพบพระ จังหวัดตาก ห่างแนวชายแดนไทยไปไม่ถึง 1กิโลเมตร รวมถึงทหารเมียนมาจากฐานทิบาโบ ซึ่งเป็นฐานขนาดใหญ่ ก็ได้ระดมยิงอาวุธหนักเข้าช่วยเหลือทหารเมียนมาด้วย เกิดเสียงระเบิดดังไปทั่วแนวชายแดน ทำให้ชาวบ้าน หมู่บ้านมอเกอไทย ซึ่งเป็นหมู่บ้านฝั่งไทยที่ติดกับพื้นที่ยิงปะทะ เตรียมความพร้อมไปอยู่ในหลุมหลบภัย ขณะที่ผู้อำนวยการโรงเรียน มอเกอไทย เผยว่า วันนี้เปิดเรียนตามปกติแต่มีเด็กมาเรียนน้อย เนื่องจากผู้ปกครองส่วนใหญ่เกรงเรื่องความปลอดภัยจึงให้บุตรหลานหยุดเรียน โดยมีทหารชุดเฉพาะกิจราชมนู เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านมอเกอ […]

มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ ทหารไทยเข้าเจรจากลับยิงสวน ลั่นปกป้องอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 เต็มที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึง เหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา กำลังพลของกองกำลังสุรนารีได้ลาดตระเวนและพบว่า ทหารกัมพูชาขุดคูเลต เช่นเดียวกับเนิน 745 ช่องบก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา แต่ทางกัมพูชา ยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน อย่างที่เป็นข่าว สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อจากนี้ ผู้บังคับบัญชาในระดับพื้นที่กำลังพูดคุยเจรจา “ยืนยันว่าทหารไทยทำหน้าที่รักษาอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 ซึ่งในพื้นที่ทับซ้อนของทั้ง 2 ประเทศ จะมีการออกลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายล้ำเข้ามา ซึ่งทุกฝ่ายต้องยึดตาม MOU 2543”.-313.-สำนักข่าวไทย