รัฐสภา 16 ก.พ.-“สุทิน” ร่ายยาว 2 ชั่วโมง อัดรัฐล้มเหลวบริหารงานไร้ประสิทธิภาพ ทำเศรษฐกิจบ้านเมืองเสียหาย ทุจริตอื้อ ปล่อยเปิดบ่อน ย้ำฝ่ายค้านไม่นำสถาบันมาเล่นการเมือง
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นผู้อภิปรายคนแรกในญัตติการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล 10 คน ใช้เวลาตลอด 2 ชั่วโมงชี้ให้เห็นความล้มเหลวการบริหารงาน ไร้ประสิทธิภาพการบริหารประเทศ และการตัดสินใจผิดพลาดของรัฐบาลที่นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เกิดการทุจริตคอรัปชั่น เอื้อพวกพ้อง
นายสุทิน กล่าวว่า 4 วันจากนี้ฝ่ายค้านจะอภิปรายด้วยข้อมูลอย่างเต็มที่ ชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่องของรัฐมนตรีเพื่อเป็นประโยชน์กับนายกรัฐมนตรี นำไปสู่การปรับครม. หวังที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ประชาชนอยู่ดีกินดี และยืนยันการตั้งข้อกล่าวหารุนแรง ไม่ได้เป็นอคติ แต่สะท้อนความล้มเหลวในการทำงานของรัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรีโชคดีที่อ้างวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด เพราะหากเป็นนายกรัฐมนตรีคนอื่นคงต้องลาออกจากตำแหน่งไปแล้ว จึงเป็นโชคดีที่นำวิกฤติโควิดไปเชื่อมโยงกับทุกเรื่อง แต่เป็นโชคร้ายของประชาชน
“วันนี้เราอยู่ก้นเหว และหลายประเทศในโลกอยู่บนพื้นดิน ส่วนประเทศที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่บนภูเขา ถือเป็นยุคที่ไทยลำบากที่สุด และลงไปทุกระดับ ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 ระลอก 2 รัฐบาลไม่ได้ควบคุมดูแล จะโทษใครไม่ได้ ปล่อยปละละเลยให้เปิดบ่อนพนันในหลายพื้นที่ ส่งผลให้เป็นต้นตอของการแพร่ระบาด เสียงบประมาณที่นำมาใช้กับการแก้ปัญหาโควิด ส่วนการจัดหาวัคซีนก็ล่าช้า ทำให้ประเทศไทยยังไม่ได้รับวัคซีน เพราะไม่ยอมจ่ายมัดจำและไม่ใช้ความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศจีนประสานงาน ซึ่งแม้ว่าจีนจะให้วัคซีนกับประเทศด้อยพัฒนา ประเทศไทยควรมีวิธีการอื่นจัดหา แต่ด้วยการตัดสินใจที่ผิดพลาดและมีปัญหาในวิธีคิด ถือเป็นความผิดพลาดของนายกรัฐมนตรี ซึ่งปัญหาโควิด ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจนำมาสู่ปัญหาสังคม ทั้งการฆ่าตัวตาย บ่อนเต็มเมือง ยาเสพติดเต็มบ้าน” นายสุทิน กล่าว
นายสุทิน กล่าวว่า นอกจากนายกรัฐมนตรีไร้ประสิทธิภาพในการบริหารงาน แล้ว รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ยังเป็นยุคที่ทุจริตมากที่สุด ซึ่งผลวิจัยของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยคิดเป็นเม็ดเงินที่หายไปจากการจ่ายใต้โต๊ะกว่า 3 แสนล้านบาท อาทิโครงการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ใน 5 พื้นที่ในตำบลอมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ 45 ล้าน เมื่อปี 2562 ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) ที่ตรวจสอบพบว่าแพงและไม่สามารถใช้งานได้จริง รวมถึงโครงการแก้ปัญหาภัยแล้งที่อนุมัติงบประมาณให้จังหวัดละ 15 ล้านบาท แต่กลับพบว่าจัดทำสัญญา 30 สัญญา โครงการละ 5 แสนบาทเพื่อหลีกเลี่ยงข้อกฎหมายในการประมูลงาน ซึ่งผู้รับเหมาได้รับเงินไปทำงานจริงไม่ถึง 2 แสนบาท แต่เงินทอนกลับไปอยู่ในมือนักการเมือง ซึ่งเรื่องลักษณะนี้เกิดขึ้นทุกจังหวัด
ระหว่างนายสุทินอภิปราย ได้กล่าวถึงข้อกล่าวหาญัตติที่พาดพิงสถาบัน ว่า ไม่มีใครกล้านำประเด็นนี้มาเล่นการเมืองเพราะไม่คุ้ม แต่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้น และจำเป็นต้องทำ ซึ่งนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐลุกขึ้นประท้วงว่านายสุทินอภิปรายวนเวียนมาเกี่ยวกับสถาบัน ขอให้ถอน ซึ่งนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่กำลังทำหน้าที่ประธานที่ประชุม วินิจฉัยว่าการอภิปรายยังอยู่ในญัตติ เนื้อหาไม่สร้างความเสียหายต่อสถาบัน จากนั้นนายสุทินได้อภิปรายต่อ โดยภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย.-สำนักข่าวไทย