กรุงเทพฯ 1 ก.พ. – กรมชลประทานปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักฯ ลดผลกระทบจากค่าความเค็มในลุ่มเจ้าพระยาต่อการผลิตน้ำประปาและสวนไม้ผล
นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดี กรมชลประทาน เปิดเผยว่า สั่งการให้โครงการชลประทานในลุ่มเจ้าพระยาติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงน้ำทะเลหนุนสูงทำให้ค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่องสูงขึ้น โดยจากกาตรวจวัดค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง เมื่อวันที่ 30 มกราคม เวลา 20.00 น. มีค่าความเค็มอยู่ที่ 2.50 กรัมต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ปกติ ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปาของการประปานครหลวงบริเวณสถานีสูบน้ำดิบสำแล จ.ปทุมธานีและการเพาะปลูกไม้ผล-ไม้ยืนต้น จึงปรับเพิ่มการระบายน้ำการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จาก 35 ลบ.ม.ต่อวินาที เป็น 45 ลบ.ม.ต่อวินาทีต่อเนื่องถึงวันพรุ่งนี้ (2 กุมภาพันธ์)
ส่วนที่เขื่อนพระรามหกจากเดิมระบาย 20 ลบ.ม.ต่อวินาที เป็น 25 ลบ.ม.ต่อวินาทีเป็น 30 ลบ.ม.ต่อวินาทีในห้วงระยะเดียวกัน ทั้งนี้ เพื่อให้การควบคุมค่าความเค็มเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดและมีผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรม จึงขอความร่วมมือประตูระบายน้ำและสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าทุกแห่งที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลงมาจรดอ่าวไทย ให้งดการรับน้ำหรือสูบน้ำในระยะนี้
นอกจากนี้สั่งการให้โครงการชลประทานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาและท่าจีนวางแผนบริหารจัดการน้ำโดยใช้อาคารชลประทานควบคุมการรับน้ำ เพื่อป้องกันความเค็มไม่ให้รุกล้ำเข้าไปในพื้นที่การเกษตรและลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด . – สำนักข่าวไทย