สธ. 14 ธ.ค.-สธ.แจงพบติดเชื้อในประเทศในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์นับเป็นรายที่ 7 สอบสวนโรคพบกินข้าวกับผู้ป่วยรายที่4 นอนพักห้องเดียว กับผู้ป่วยราย ที่ 6 พร้อมแจงสาเหตุห่วงบิ๊กเมาน์เท่น เพราะระยะห่างทำไม่ได้ แถมมีเหล้าเบียร์พ่วง การป้องกันตัวยิ่งลดลง แจงข้อมูล 1 คนปกติสอบสวนไม่ต่ำกว่า 20-40 คน
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. กล่าวว่า วันนี้ (14 ธ.ค.) พบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มจำนวน 28 คน ในจำนวนนี้ 27 คนเป็นผู้มีประวัติ เดินทางมาจากต่างประเทศ เข้ารับการรักษาตัวในสถานพยาบาลและก่อนหน้านั้น พักใน SQ , ASQ ได้แก่ สหราชอาณาจักร 3 คน เมียนมา 6 คน ฝรั่งเศส 2 คน บาร์เรน 7 คน โปแลนด์ 2 คน สวีเดน ,ยูเครน ปากีสถาน เยอรมัน,จอร์แดน ,อินโดนีเซีย ,อาเซอร์ไบจาน ประเทศละ 1 คน และมีการติดเชื้อในประเทศ 1 คน เป็นบุคลากรทางการแพทย์ ทำให้มีผู้ป่วยรวม 4,237 คน รักษาหายแล้ว 3,940 คน เสียชีวิตคงที่ 60 คน
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการสอบสวนโรคหลังพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ โดยผู้ป่วยรายนี้เป็นหญิงอายุ 27 ปี นับเป็นผู้ป่วยรายที่ 7 ทำงานในสถานพยาบาลเดียวกันกับเพื่อนคนอื่น ๆ ที่ป่วย สอบประวัติพบว่า มีการรับประทานอาหารร่วมกับเพื่อนรายที่ 4 นอนพักในคอนโดมิเนียมเดียวกันกับเพื่อนรายที่ 6 และจัดอยู่ในกลุ่มผู้ป่วยเสี่ยงสูง 51 คน จึงเข้ารับการกักตัวตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค. ตรวจเชื้อครั้งแรกไม่พบ จนมาตรวจครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. พบติดเชื้อ โดยมีอาการคัดจมูก ซึ่งจากการสอบสวนโรคถือว่ารายนี้มีความเสี่ยงในการแพร่โรคน้อยมากเพราะถูกกักตัวตั้งแต่ต้น
อย่างไรก็ตามการติดเชื้อในกลุ่มบุคคลากรทางการแพทย์ จะพบว่ามีรายเดียวที่ติดเชื้อจากการทำงาน คือรายที่ 4 และที่เหลือเป็นการติดเชื้อจากการใช้ชีวิตประจำวัน สำหรับการตรวจเชื้อจะทำในระยะเวลา 5-7 วัน ซึ่งรายนี้พบเชื้อในวันที่ 10 ก็ยังถือว่าอยู่ตามเกณฑ์ เพราะอาจได้รับเชื้อน้อย หรือมีร่างกายแข็งแรง
นพ.โสภณ กล่าวว่า สำหรับเหตุผลความห่วงกังวลเรื่องการจัดคอนเสิร์ต บิ๊กเมาน์เท่นนั้น เป็นธรรมที่บุคลากรทางแพทย์จะห่วงกังวล เพราะการ จัดการสถานที่ยิ่งมีคนจำนวนมากเท่าไหร่ ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงเพราะความเสี่ยงผันแปรตามจำนวนคน สำหรับคน 30,000 คน หากต้องมีการติดตามคนสัมผัสใกล้ชิดก็ยิ่งมีจำนวนมาก ปกติ1คนต้องตรวจคนสัมผัสประมาณ 20-40 คน และในงานคอนเสิร์ตเป็นคนมาจากต่างพื้นที่มาจากทั่วประเทศ ยิ่งมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โอกาสการควบคุมตัวเองยิ่งน้อยและที่หน้าเวที 1 คนต้องเจอคนไม่ต่ำกว่า 100 คน ดังนั้น การจัดการระยะห่าง จึงเป็นสิ่งสำคัญ
นพ.โสภณ กล่าวว่า การจัดการคอนเสิร์ตในลักษณะนี้ต้องมีการทำระยะ ห่างแบ่งเป็นซอยย่อย ไม่จุคนเต็มพื้นที่ ส่วนเรื่องหน้ากากอนามัย ต้องถือเป็นการป้องกันเฉพาะบุคคล และอยากให้ทุกคนตระหนักในการป้องกันตัวเอง สำหรับผู้เข้าร่วมงานบิ๊กเมาน์เท่นและได้สแกนไทยชนะ ได้มีการSMS ไปแจ้งเตือนให้เฝ้าระวังตนเองแล้ว.-สำนักข่าวไทย