รพ.พระราม9 19 พ.ย.- ผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิง ที่ย่านเกียกกายเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน เผยเตรียมหารือทนายความ ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ ร่วมกับผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์เดียวกัน
นายเกวลัง ธัญญเจริญ อายุ 32 ปี ผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎร ที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงบริเวณต้นขา เหตุปะทะกันระหว่างม็อบกลุ่มราษฎรกับกลุ่มสวมเสื้อสีเหลือง บริเวณแยกเกียกกาย เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ได้เล่าย้อนเหตุการณ์ให้ฟังว่า เมื่อช่วง 15:00 น. ของวันที่ 17 พฤศจิกายน ตนเองร่วมกับกลุ่มเพื่อน ซึ่งเป็นศิษย์เก่าอาชีวะ ร่วมชุมนุมกับกลุ่มราษฎร ซึ่งตนไม่ใช่การ์ด แต่เป็นเพียงมวลชนคนหนึ่งที่อยากเข้าร่วมม็อบเพื่อขับเคลื่อนประชาธิปไตย
โดยขณะเคลื่อนตัวจากบริเวณแยกบางโพ ไปแยกเกียกกาย เวลาประมาณ 20:00 น. มีการปาระเบิด และปาสิ่งของ รวมทั้งก้อนอิฐ จากกลุ่มคนที่ใส่เสื้อเหลือง เข้ามายังกลุ่มตน คล้าย ยั่วยุให้กลุ่มราษฎรออกไปปะทะ ซึ่งตนและเพื่อนได้หารือกันว่า ไม่อยากให้ออกไปปะทะ เพราะถนนเส้นนั้นยาวและค่อนข้างมืด แต่จังหวะที่ตนเดินออกมาจากหน้าแนวผู้ชุมนุม เพื่อไปเข้าห้องน้ำ เมื่อกลับออกมาพบว่ากลุ่มน้องๆ ออกไปปะทะแล้ว ตนห้ามไม่ทัน ขณะที่เดินออกไปตามน้องๆ กลับ ก็พบมีการเปิดฉากยิงจากฝ่ายตรงข้าม และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บก็ถูกทยอยนำเข้ามา สวนทางกับที่ตนจะออกไปตามไปห้ามให้ไม่ให้เกิดการประทะ และมีน้องทำหน้าที่ปฐมพยาบาลโดนยิงได้รับบาดเจ็บอยู่ข้างๆ จังหวะเดียวกับที่ตนจะเข้าไปช่วยน้องคนที่ถูกยิง ก็รู้สึกเจ็บที่ต้นขาซ้ายด้วย
นายเกวลัง กล่าวว่า ทิศทางของกระสุนที่พุ่งเข้ามานั้น มาจากทุกทิศทุกทาง ไม่ใช่จุดเดียว และจากการฟังเสียง ก็ไม่น่าจะเป็นปืนที่ประดิษฐ์เอง ส่วนแผลที่ตนตัวเองได้รับนั้น คือกระสุนฝังเข้าในผิวหนังบริเวณต้นขาซ้าย โชคดีที่ไม่โดนจุดสำคัญ ไม่เป็นอะไรมาก ได้รับการผ่าตัด เอาวัตถุที่ฝังอยู่ใต้ผิวหนังออก และพักฟื้นวันนี้หมออนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว ส่วนร่างกายบริเวณอื่นๆ เป็นแผลพุพองจากการถูกฉีดน้ำ
นายเกวลัง ยังกล่าวว่า ที่มีกระแสข่าวออกไปว่า เหตุที่กลุ่มตนโดนยิง มาจากการที่เคยมีเรื่องกับกลุ่มคนใส่เสื้อสีเหลืองมาก่อนนั้น ขอตอบว่าไม่รู้จักกันมาก่อนเลย
“ยืนยันไม่รู้จักกับผู้ก่อเหตุทางกลุ่มใส่เสื้อเหลือง ถ้าเรารู้จักเขาเราชี้ตัวได้อยู่แล้วว่าใครเป็นคนทำ ตอนนี้ข่าวออกไปว่าทั้งฝ่ายผู้ก่อเหตุและกลุ่มตัวเองรู้จักกัน มีเรื่องกันมาก่อนนั้นเป็นการยกประเด็นให้มั่วซั่ว ยืนยันไม่ได้เป็นการทะเลาะกันมาก่อน หรือมีเรื่องกันมาก่อน เพราะทางโน้นเขวี้ยงหินใส่เราก่อน ผมมีคลิปเหตุการณ์ยืนยันว่า ทางฝ่ายผมเป็นคนขอประนีประนอมให้หยุดการปาหิน และหินพวกนั้นเป็นหินที่ถูกรื้อออกมาจากฟุตบาท พี่ต้องไปดูเหตุการณ์ ณ จุดเกิดเหตุครับ เค้ารู้กันหมดครับ” นายเกวลัง กล่าว
นายเกวลัง กล่าวต่อว่า สำหรับจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บ ที่บริเวณเดียวกันมีประมาณ 15 คน ซึ่งตรงนี้ตนตัวจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทีมทนายความเพื่อจะดูรายละเอียดว่ามีคนถูกยิงกี่คนถูกอาวุธอื่นบาดเจ็บอย่างไร ซึ่งทนายความจะเข้ามาหารือในช่วงบ่ายวันนี้
อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าการเริ่มต้นไม่ได้เกิดจากกลุ่มพวกเรา พวกเรานำลำโพงมาเปิดเพลง เพื่อให้กระตุ้นให้มีความสนุกสนานและไม่เงียบจนเกินไป ยืนยันได้จากคลิปข่าวของสื่อมวลชนที่อยู่บนสะพานลอย ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดว่า ไม่มีการยั่วยุที่เกิดจากกลุ่มพวกเราเลย
สำหรับภรรยาและพี่สาวตนไม่ว่าอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมให้ตนออกมาร่วมชุมนุมตามที่ต้องการ “ผมต้องการล้มเป็นถนนให้คนอื่นเดิน ผมเป็นแค่คนขอไปดูแลประชาชน ให้มาชุมนุมปลอดภัย และกลับบ้านปลอดภัย” นายเกวลัง กล่าว
เขายังเล่าสาเหตุของการที่กลุ่มอาชีวะออกมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มราษฎร ว่าเกิดเมื่อครั้งที่คนใส่เสื้อเหลืองไปรวมตัวกันที่หน้า ม.รามคำแหง แล้วทำร้ายเด็กนักเรียน นักศึกษาที่มาชุมนุมกัน ทำให้กลุ่มอาชีวะของตนมองว่าพวกนั้นไปใช้ชื่อว่า อาชีวะ ไม่ถูกต้อง เพราะทำร้ายเด็ก ทำร้ายคนแก่ ไม่ใช่ลูกผู้ชาย พี่น้องอาชีวะของตน เลยอยากจะออกมาปกป้องมากกว่า
ยืนยันเป้าหมายอยากให้ทุกคนออกมาชุมนุมโดยสันติและกลับบ้านอย่างปลอดภัย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า อยากฝากให้ผู้ชุมนุมในครั้งต่อไปให้ระมัดระวังตัวเองอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์โดนยิง หรือเกิดการปะทะ เขาตอบว่า การชุมนุมครั้งต่อไป ขอให้ออกมาได้เลย ไม่ต้องกลัวอะไร อาชีวะพร้อมจะเป็นโล่ พร้อมที่จะดูแลมวลชน และฝากถึงพี่น้องอาชีวะที่ยังไม่ตื่นตัว ให้รับรู้ถึงเหตุการณ์ ณ จุดนี้ว่าเขาเริ่มใช้ความรุนแรงกับเรา แต่ขอให้เราอย่าใช้ความรุนแรงโต้ตอบ ต้องทำให้เป็นสันติวิธี เหมือนแนวทางที่น้องนักศึกษากลุ่มราษฎรทำมาก่อน และขอให้กระตุ้นเพื่อนอาชีวะให้ตื่นตัว ปกป้องพี่น้องประชาชน
ขณะที่นาสุรเชษฐ์ จิตรเจริญ เพื่อนของนายเกวลัง นำภาพถ่ายบาดแผลที่เกิดจากการถูกฉีดน้ำ เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ซึ่งผ่านมา 2 วัน แผลเกิดลุกลามเหมือนติดเชื้อ และว่าตนจะนำเรื่องนี้เข้าหารือกับทนายความเพื่อฟ้องเอาผิดผู้ฉีดน้ำเช่นเดียวกัน.-สำนักข่าวไทย