รัฐสภา 29 ต.ค.-“โรม” มองรัฐบาลอาจพอใจ “ตากใบ” จบแบบนี้ ไม่มีใครถูกดำเนินคดี ชี้ “ปลัดอำเภอท่าอุเทน” อดีตจำเลยโผล่กลับมาทำงานทันที คงต้องดูข้อกฎหมาย เอาผิดจริยธรรมได้หรือไม่ แนะนายกฯ เลิกมอบหมาย “ภูมิธรรม” ดูเรื่องนี้ เหตุไม่มีคุณสมบัติควบคุมฝ่ายความมั่นคงที่ละเอียดอ่อน
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีปลัดอำเภอท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งเป็นอดีตจำเลยในคดีตากใบ กลับมาปฏิบัติหน้าที่ทันทีหลังจากคดีหมดอายุความ ว่า ตนก็คงรู้สึกไม่ต่างจากหลายๆ คน ว่าเอาเข้าจริงแล้ว รัฐบาลได้มีความพยายามอย่างจริงจังทุกทางที่จะเป็นไปได้ในการตามหาตัวจำเลยในคดีตากใบมากน้อยเพียงใด และเมื่อเห็นแบบนี้แล้วก็รู้สึกว่ารัฐบาลอาจจะไม่ได้พยายามอะไรเลย การที่คดีตากใบจบแบบนี้ อาจจะเป็นความพึงพอใจของรัฐบาลแล้วที่คดีจบได้เสียที ซึ่งไม่ได้จบแบบมีความยุติธรรมให้กับผู้สูญเสีย แต่จบแบบสุดท้าย ไม่มีใครสามารถดำเนินการทางกฎหมายกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองก่อนหน้านั้นที่เป็นต้นสายให้พรรคเพื่อไทยได้อีกต่อไป รวมถึงผู้นำทางจิตวิญญาณ ก็คงไม่สามารถเอาผิดเขาทางกฎหมายได้เช่นเดียวกัน สิ่งเหล่านี้ทำให้ตนเชื่อว่าเป็นความสบายใจของรัฐบาล
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า นอกจากกรณีปลัดอำเภอคนนี้แล้ว ยังมีพฤติการณ์ของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึงพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีเอง มีหลายอย่างที่ทำให้ประชาชนหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้โดยตรง ไม่สามารถเชื่อว่ารัฐบาลมีความตั้งใจและเพียรพยายามอย่างเต็มที่ในการคลี่คลายปมนี้ ซึ่งเรื่องนี้อาจกลายเป็นวิกฤติอีกครั้งหนึ่งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่น่าเกิดขึ้นเลยจริงๆ ตนคิดว่าเป็นความน่าเสียดายและความผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย ที่คดีตากใบจบลงอย่างที่เราไม่สามารถนำผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียชีวิตจำนวนมากมาดำเนินการได้
เมื่อถามว่าสามารถเอาผิดจริยธรรมกับปลัดอำเภอคนดังกล่าวได้หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าเอาผิดอย่างไรต่อ ตนเชื่อว่าผู้ที่นำคดีตากใบขึ้นสู่ศาล และพวกเราพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่ติดตามเรื่องนี้ คงจะพยายามดูว่ามีมาตรการใดที่จะเป็นไปได้ แต่มองว่าปมใหญ่คือการใช้กระบวนการของศาลในการคลี่คลาย เพราะคดีตากใบไม่ใช่แค่การลงโทษ แต่เป็นการบอกว่าใครบ้างต้องเป็นผู้รับผิดชอบ โดยการใช้กระบวนการยุติธรรมของเราในการวินิจฉัย เป็นการสร้างความรับผิดรับชอบในสิ่งที่ตนเองตัดสินใจใช้อำนาจหน้าที่จนทำให้เกิดความสูญเสีย
เมื่อถามว่านายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ควรออกมารับผิดชอบด้วยหรือไม่ นายรังสิมันต์ ระบุว่า ตอนนี้นายทักษิณไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ ในรัฐบาล ตนคงไม่สามารถบอกได้ว่านายทักษิณควรทำหรือไม่ควรทำอะไร แต่บอกได้ว่าที่ผ่านมา คำขอโทษมาช้า 18 ปี จึงอาจทำให้ความรู้สึกของประชาชนที่มองรัฐบาลชุดนั้นมาจนถึงปัจจุบัน ที่เขามองว่าถูกครอบครองโดยนายทักษิณ
“คำขอโทษ ถ้าขอโทษอย่างทันท่วงที น้ำหนักมันจะเยอะ แต่พอมันช้าไป น้ำหนักของคำขอโทษก็หายไปเยอะ และนี่เป็นผลลัพธ์ของอดีตนายกฯทักษิณได้ทำ จนมาถึงรัฐบาลนี้ และสิ่งที่คนอยากเห็นไม่ใช่แค่คำขอโทษอย่างเดียว แต่คือการกระทำที่แสดงถึงความจริงใจ ซึ่งแทบไม่มี ผมมองว่าสิ่งที่ผิดพลาดของรัฐบาลนี้ คือการปล่อยให้นายภูมิธรรมออกมาพูดหลายอย่างที่ทำให้สถานการณ์แย่ลง นายกฯควรมอบหมายงานที่เหมาะสม เพราะนายภูมิธรรมได้พิสูจน์แล้วว่าท่านไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมจะมาจัดการเรื่องละเอียดอ่อน อย่างเรื่องความมั่นคง” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ ยังมองว่าหลังจากกรณีนายอำเภอคนนี้ ก็ยังมีกรณีอื่นอีก ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลก็จะยิ่งน้อยลง คำถามสำคัญคือจะต้องติดลบอีกขนาดไหน เมื่อไหร่เราจะถึงจุดสูงสุดของจุดต่ำสุด พร้อมย้ำว่าความเชื่อมั่นของรัฐบาลตอนนี้ดิ่งเหว
เมื่อถามว่าหลังจากคดีหมดอายุความแล้ว มีโอกาสที่จะนำตัวอดีตผู้ต้องหาในคดี มาให้ปากคำเพื่อรื้อฟื้นความจริงหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องคุยกัน แต่ข้อเท็จจริงหลายอย่างก็ไม่ใช่ว่าจะหาไม่ได้เลย เพราะมีรายงานที่มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งจัดทำโดยคณะทำงานหลายส่วน รวมถึงส่วนที่นายทักษิณเป็นผู้ตั้งขึ้นมาด้วยซ้ำ ดังนั้นในเรื่องของความจริงก็ส่วนหนึ่ง แต่สุดท้ายจะไปใกล้ถึงการหาตัวผู้รับผิดชอบหรือไม่ ส่วนตัวมองว่าการใช้กลไกศาลเป็นช่องทางที่ดีที่สุด เพราะมีการเสาะหาความจริงและตัดสิน แต่เมื่อทำอย่างนั้นไม่ได้ก็ต้องรอดูว่ามีมาตรการอื่นๆ ที่ดีกว่าที่ผ่านมาหรือไม่.-315.-สำนักข่าวไทย