โฆษกรัฐบาล เผยโครงการคนละครึ่งเฟสแรก น่าพอใจ

ทำเนียบฯ 13 พ.ย.-โฆษกรัฐบาล เผยโครงการคนละครึ่งเฟสแรก น่าพอใจ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานราก ขอกลุ่มนักเรียน นักศึกษา เสนอแนะแนวคิดแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ใช่ชุมนุมเรื่องการเมืองเพียงอย่างเดียว


นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงภาพรวมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในโครงการคนละครึ่ง ว่า การดำเนินการเฟสแรกเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งมีประชาชนลงทะเบียนครบจำนวน 10 ล้านสิทธิ์ตามเป้าหมาย คาดว่าจะมีเงินหมุนเวียนระบบเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้าย กว่า 6 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้จากข้อมูลล่าสุด มีร้านค้าที่ลงทะเบียนกว่า 6 แสน 4 หมื่นร้านค้า ขณะที่ยอดใช้จ่ายโดยรวมอยู่ที่ 13,481 ล้านบาท เฉลี่ยต่อหัวประมาณ 208 บาทต่อคน ซึ่งโครงการนี้นอกจากเป็นการช่วยเรื่องค่าครองชีพให้ประชาชนทั่วไปแล้ว ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานราก ที่เป็นร้านค้ารายย่อยได้รับประโยชน์ จึงเชิญชวนร้านค้าที่สนใจลงทะเบียนเพิ่มเติมได้ ยืนยันรัฐบาลไม่ได้มุ่งตรวจสอบการเสียภาษี แต่คาดหวังให้เงินที่อัดฉีดลงไปถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง

ส่วนกรณีที่มีเสียงเรียกร้องอยากให้ขยายเพิ่มเติมในเฟสต่อไปนั้น โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรี ได้พูดที่ประชุม ครม.ที่ผ่านมา ว่าโครงการอะไรที่คิดว่าเป็นประโยชน์กับประชาชน ก็ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการตามงบประมาณที่มีอยู่ พร้อมกำชับให้แก้ไขสิ่งที่ยังเป็นช่องโหว่ในการทุจริต หลังพบข้อมูลว่ามีบางร้านค้าฉวยโอกาสปรับเพิ่มราคา ขอให้ประชาชนช่วยกันแจ้งเบาะแส ผ่านหน่วยงานที่รับผิดชอบคือ กระทรวงการคลัง หรือ ช่องทางทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบให้เกิดความรัดกุมมากขึ้น


นายอนุชา กล่าวอีกว่า อยากให้กลุ่มเยาวชนที่มีการชุมนุมกันอยู่ในขณะนี้ ช่วยกันเสนอแนะแนวคิดในเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อแก้ปัญหาประเทศ ดีกว่าที่จะมีเพียงแต่ความเห็นต่างในเรื่องของการเมือง และอยากให้การชุมนุมเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่การชุมนุมที่มีแต่การเสียดสีเรื่องทางการเมืองเท่านั้น

โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการเจรจาการหาทางออกทางการเมือง และอยากให้ผู้ชุมนุมมีส่วนร่วมในการนำเสนอ ไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ต้องให้เป็นไปตามกลไกของรัฐสภา รัฐบาลพร้อมรับฟังทุกข้อเสนอ โดยสำนักโฆษกฯ มีแนวคิดเดินสายพบปะพูดคุยกับทุกกลุ่มอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักเรียน กลุ่มแรงงาน และเกษตรกร เพื่อสื่อสารและรับฟังปัญหาในทุกเรื่อง.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง