“ณัฐวุฒิ” เข้าทำเนียบ ประเมินช่วงนี้ยังไม่มีม็อบใหญ่

ทำเนียบ 28 ต.ค.- “เต้น ณัฐวุฒิ” เข้าทำเนียบ ฐานะที่ปรึกษาของนายกฯ ประเมินช่วงนี้ยังไม่มีม็อบใหญ่ต้านรัฐบาล หวังช่วงปิดสมัยประชุมพรรคร่วมรัฐบาลเคลียร์ได้ข้อสรุปกฎหมายนิรโทษกรรม มาตรา 112 ยืนยันไม่เปลี่ยนจุดยืน แต่ต้องผสานรัฐบาลผสมไม่ขัดแย้งเพิ่มอีก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเที่ยงวันนี้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล และได้ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้ามาทำเนียบในฐานะที่ปรึกษาของนายกฯ ว่า เพื่อประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับข้อง ซึ่งก็มาหลายครั้งแล้ว แต่วันนี้ได้แวะมาเยี่ยมสื่อมวลชน ซึ่งวันนี้ไม่ได้มีวาระในการประชุมหรือมีประเด็นอะไรเป็นพิเศษ และตั้งแต่มีคำสั่งแต่งตั้ง ก็ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย ทั้งเรื่องการประเมินสถานการณ์ข่าวสารการเมือง และความเคลื่อนไหวอื่นๆ ซึ่งทำงานร่วมกับส่วนต่างๆ นอกเหนือจากนั้นแล้วแต่นายกฯมอบหมายให้ทำภารกิจใดเพิ่มเติม

ส่วนนายกฯ มอบหมายให้ดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองยังไม่ปรากฏความเคลื่อนไหว ส่วนผู้ชุมนุมที่มีข้อเรียกร้องเดือดร้อนจากการทำกินการทำมาหากินหรือการดำรงชีพต่างๆ มีรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่รับเรื่องราวร้องทุกข์อยู่แล้ว และก็ได้ประสานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง


นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงสถานการณ์กลุ่มการเมืองจะออกมาเคลื่อนไหวในช่วงนี้หรือไม่ ในฐานะที่มีประสบการณ์มาก่อน ว่า ในเรื่องนี้ความเคลื่อนไหวมีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ทั้งการชุมนุมบริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ์ และการรวมตัวแสดงความเห็นต่างๆ การชุมนุมขนาดใหญ่หลักหมื่นคนอย่างที่เคยเห็นก่อนหน้านี้เข้าใจว่ายังไม่น่าจะเกิดขึ้น แต่ทางรัฐบาลก็ยังไม่มีหน่วยงานใดติดตามความเคลื่อนไหวเหล่านี้เป็นกรณีพิเศษ ในการแสดงออก และมุ่งเน้นการผลักดันผลงานการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนมากกว่า

ส่วนภายหลังรับตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกฯ ได้มีคำแนะนำใดให้กับรัฐบาลแล้วบ้างนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าสำหรับข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอพูดคุยในวงคณะทำงาน ซึ่งตนเองคงไม่เสนอแนะนายกฯ และรัฐบาลผ่านสื่อฯ แต่จะเสนอแนะไปตามช่องทางที่เหมาะสม

ทั้งนี้ในเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมจะมีเรื่องใดที่จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวกระทบต่อรัฐบาลหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องแยกออกเป็น 2 ส่วน ไม่มีข้อโต้แย้งในส่วนที่ทุกพรรคเห็นตรงกัน คือ เห็นชอบที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อเป็นเครื่องมือในการลดความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา แต่ส่วนที่ยังมีความเห็นต่างคือ กฎหมายนิรโทษกรรมที่จะออกมา โดยเฉพาะมาตรา 112 ที่ยังมีข้อเห็นต่างอยู่ ซึ่งตนเห็นว่าสภากำลังจะปิดสมัยประชุม และจะมีการพิจารณากฎหมายนี้หรือไม่อย่างไร ก็คิดว่าจะอยู่ในสมัยประชุมหน้า ดังนั้นช่วงเวลาที่ว่างเว้นจากการประชุมสภา ตนเองเชื่อว่าพรรคการเมืองต่างๆ ตลอดจนกลุ่มก้อนภาคประชาชนที่เคลื่อนไหวก็จะมีการปรึกษาหารือกัน และการเดินหน้าเรื่องนี้หลักการคือจะต้องไม่ไปขยายความขัดแย้งใดๆ เพิ่ม ตนเองจึงคิดว่าการรักษาบรรยากาศไม่ให้ช่วงเวลานี้ไปมีเงื่อนไขความขัดแย้งใดๆ เพิ่ม แต่หากมีการพูดคุยกัน ซึ่งในพรรคเพื่อไทย มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ได้มีการพูดคุย ว่าจะมีกรรมการยุทธศาสตร์มีกรรมการบริหาร และจะหารือ และมีข้อสรุปกัน ว่าจะมีร่างนี้ออกมาประกบหรือไม่ ส่วนอื่นๆก็น่าจะเช่นเดียวกัน เชื่อว่าจะมีการคุยกันภายใน ถึงเวลาก็ต้องเอาไปพูดคุยกันในสภาก็ถือเป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐสภาที่จะพูดคุยกัน


ส่วนจุดยืนของตนต่อเรื่องนี้ ก็ได้แสดงความคิดเห็นหลายๆครั้งแล้ว คือมีจุดยืนเดิม และหวังว่าข้อขัดแย้งที่มีอยู่จะใช้ช่วงเวลานี้ มาปรึกษาหารือแลกเปลี่ยนกันได้ ส่วนมีประเด็นไหนที่รัฐบาลจะต้องระมัดระวังเพื่อไม่ให้เป็นการจุดฉนวนเกิดม็อบขึ้นได้ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าจะต้องไม่ไปเพิ่มเงื่อนไขความขัดแย้งไปถึงฝ่ายใด จึงเป็นเรื่องหลักที่ทุกรัฐบาล ไม่ใช่แค่รัฐบาลนี้ต้องยึดถือปฏิบัติอยู่แล้ว และจะสังเกตเห็นว่าตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา จนมาถึงนายกฯ แพทองธาร ก็ไม่มีท่าทีนี้ ขณะนี้เรื่องใหญ่ที่สุดของรัฐบาลคือพยายามผลักดันนโยบายหรือเนื้องานในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับประชาชน ส่วนความขัดแย้งทางการเมืองๆก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก ไม่ใช่ไม่สำคัญ แต่การจัดบรรยากาศการจัดเวทีเรื่องนี้มันมีความละเอียดอ่อน ตนคิดว่าให้เป็นเรื่องของพรรคการเมืองและฝ่ายสภาไปว่ากัน ใครมีความคิดเห็นด้านใดก็แสดงออกด้วยท่าทีที่เหมาะสมน่าจะดีที่สุด

ทั้งนี้ได้พูดคุยกับนายแพทย์เหวง โตจิราการแกนนำ นปช.หรือไม่ ภายหลังเข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกฯ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ยังไม่มีโอกาสนั่งพูดคุยอย่างเป็นทางการส่วนตัว แต่ก็มีเหตุผลในการตัดสินใจของตนเอง มีวิถีทางในการเลือกเดิน ซึ่งแน่ใจว่าความเป็นตัวของตัวเองในอดีตจนถึงปัจจุบันยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

“วิธีการคิด วิธีการเดินอาจจะมีการปรับเปลี่ยนบ้างไปตามสถานการณ์ แต่เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ ตลอดเส้นทางที่ผ่านมาเมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์จากเพื่อนมิตรและพี่น้อง ผมเองเลือกที่จะเงียบ แล้วทำตามสิ่งที่ตนเองเชื่อ และเดินตามทางที่เลือกและให้เวลาอธิบายเรื่องทั้งหมดดีกว่า” นายณัฐวุฒิ กล่าว

สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ดูเหมือนมีความยากขึ้นทั้งที่เป็นนโยบายหาเสียงหลักของพรรคเพื่อไทย จะมีนโยบายใดเพื่อเรียกคะแนนเสียงกลับมาในการเลือกตั้งครั้งต่อไป นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าขณะนี้รัฐบาลกำลังรีบดำเนินการทำงานกันอย่างเต็มที่ ซึ่งยังมีเวลาทำงานเกือบ 3 ปี ประเด็นดังกล่าวที่มองว่ายากอาจจะคลี่คลายง่ายขึ้น และมีผลปฏิบัติได้คือการทำงานการเมืองในรัฐบาลผสมไม่มีอะไรเดินหน้าไปได้ด้วยก้าวใหญ่ๆ เพราะยังมีเรื่องที่เห็นต่างกันก็มี จึงเป็นเรื่องที่ผู้เกี่ยวข้องจะหาทางให้ได้ข้อสรุปร่วมกันและเดินต่อไปได้ ส่วนตนเองมีความเห็นว่าเมื่อพรรคเพื่อไทยตัดสินใจจะเป็นคนจัดตั้งรัฐบาลความรับผิดชอบทั้งหลายต่อปัญหาของประชาชนก็ต้องทำให้เต็มที่ จะปรากฏผลงานที่ชัดเจนหรือไม่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังสัมภาษณ์เสร็จ นายณัฐวุฒิ ก็ได้เดินไปเคารพรูปภาพของนางยุวดี ธัญญสิริ อดีตผู้สื่อข่าวอาวุโส ประจำทำเนียบรัฐบาล ที่เสียชีวิตไปแล้วแต่ยังคงมีภาพนางยุวดี ติดไว้บริเวณผนังห้องทำงานของสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล โดยนายณัฐวุฒิ เล่าประสบการณ์เมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่งเป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ถูกนางยุวดี อบรมเรื่องการแถลงข่าวและการทำงานในรัฐบาลมาแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ นายณัฐวุฒิ เดินทางมาพบสื่อมวลชนที่บริเวณหน้ารังนกกระจอกสอง แต่ระหว่างที่เตรียมจะสัมภาษณ์ได้เกิดฝนตกลงมาจึงเข้ามาภายในห้อง และหลังการให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้นนายณัฐวุฒิ ก็ได้กลางร่มและเดินออกจากรังนกกระจอก ขึ้นไปยังตึกไทยคู่ฟ้า .314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]