10 จังหวัดชายแดนไทย-เมียนมา เข้มป้องโควิด-19

สธ. 2ก.ย.-รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ย้ำ 10 จังหวัดชายแดนไทยเมียนมา และพื้นที่อุตสาหกรรมที่มีแรงงานต่างด้าว เข้าไปทำงาน ต้องเพิ่มการเฝ้าระวังสอบสวนโรค หลังสถานการณ์โควิดในเมียนมายังไม่คลี่คลาย เพิ่มศักยภาพการสอบสวนโรคให้มากขึ้น และขอให้โรงงานชะลอการนำเข้าแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย นอกจากผิดกฎหมายเสี่ยงนำโรค และ ส่งผลกระทบต้องปิดโรงงานเพื่อการสอบสวนโรค


นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวในการแถลงข่าวประจำวันสถานการณ์โควิด-19 ที่กระทรวงสาธารณสุข ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเมียนมา น่าห่วง หลังพบมีการแพร่ระบาดของโรคในกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยพบอัตราป่วยติดเชื้อโควิด เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าด้วยกัน ดังนั้นประเทศไทยควรเตรียมเฝ้าระวังใน 10 จังหวัดที่มีแนวชายแดนติดกับเมียนมา ได้แก่ ระนอง ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี ตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และ เชียงราย รวมถึงจังหวัดที่มีพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรม และมีแรงงานชาวเมียนมาเข้าไปทำงานจำนวนมาก ได้แก่ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี และชลบุรี ต้องเตรียมมาตรการสอบสวนโรค และการเฝ้าระวังป้องกัน ประสานทั้ง อสม. อสต (อาสาสมัครต่างด้าว)ให้ร่วมตรวจสอบการเข้ามาของแรงงาน

นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันภาคเอกชนต้องรวมกันสอดส่องดูแล หรือชะลอการนำเข้าแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาทำงาน หากพบมีการหลุดรอดหรือเจ็บป่วย เสี่ยงปิดสถานที่เพื่อการสอบสวนและควบคุมโรค ทั้งทีมของสาธารณสุขและฝ่ายความมั่นคง ทั้งนี้เตรียมเพิ่มศักยภาพของทีมสอบสวนโรค 3-5 เท่า เพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์ ส่วนประชาชน ยังคงขอให้ใช้มาตรการสวมหน้ากากออนามัยและหมั่นล้างมือ


นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า สำหรับเรื่องภูเก็ตโมเดลที่เริ่มเปิดนำร่องการท่องเที่ยวแล้วนั้น เนื่องจากเป็นความพร้อมของแต่ละจังหวัด และเป็นความจำเป็นของแต่ละจังหวัดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งการรับนักท่องเที่ยวภายในประเทศไม่น่าห่วง แต่ยังคงต้องรักษามาตรการระยะห่าง และสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือ ส่วนในต่างชาติคาดว่าเป็นการเปิดให้ท่องเที่ยวเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความพร้อม และ มาจากประเทศที่ปลอดการแพร่ระบาดของโรคภายใน 28 วัน และ ต้องมีการตรวจคัดกรองเข้าไทย เดินทางและท่องเที่ยวในพื้นที่จำกัดและได้แจ้งมาแต่ต้นทาง เชื่อว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพก่อน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง