กรุงเทพฯ 25 ก.ค. – กรมควบคุมโรค เผยผลการเฝ้าระวังโรคฝีดาษวานรในผู้เดินที่ทางมาจากพื้นที่ระบาดจำนวนเกือบ 3,000 คน พบผู้มีอาการสงสัย 1 ราย ตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่เข้าเกณฑ์ฝีดาษวานร พร้อมย้ำฝีดาษวานรไม่ได้ติดง่ายเหมือนโควิด-19
วันนี้ (25 กรกฎาคม 2565) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรค โดยกองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค รายงานการคัดกรองผู้เดินทางจากพื้นที่ระบาดของโรคฝีดาษวานร (ข้อมูล ณ วันที่ 24 กรกฎาคม 2565) ทำการคัดกรองทั้งหมด 2,818 ราย แบ่งเป็นผู้เดินทางจากโซนยุโรป จำนวน 2,548 ราย ผู้เดินทางจากแอฟริกา จำนวน 270 ราย พร้อมแจกบัตรคำเตือนสุขภาพ โดยจากการคัดกรองพบผู้โดยสารมีอาการสงสัย 1 ราย เป็นชาวเวียดนาม อายุ 27 ปี มีประวัติเดินทางไปประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม และมีผื่นที่แขน 2 ข้าง จากการซักประวัติเบื้องต้น และได้รับการตรวจร่างกายโดยแพทย์เวชศาสตร์การท่องเที่ยว ผู้โดยสารให้ข้อมูลว่า ตุ่มที่แขนทั้ง 2 ข้างเป็นมาตั้งแต่เกิด อาการทั่วไปไม่มีไข้ ไม่เจ็บคอ ไม่มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยัน จึงสรุปได้ว่าไม่เข้าเกณฑ์ป่วยโรคฝีดาษวานร
“สำหรับความคืบหน้าผลการตรวจ PCR ในผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรชาวไนจีเรียทั้ง 19 รายนั้น ผลตรวจเป็นลบทั้งหมด ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคได้วางระบบเฝ้าระวังคัดกรองไว้อย่างรัดกุม โดยประสานความร่วมมือกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง หากผู้เดินทางมีอาการสงสัย สามารถเข้าตรวจโรคได้ทันที ซึ่งกองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค ได้วางระบบเฝ้าระวังคัดกรองโรคฝีดาษวานรไว้ 2 จุด คือ หน้าประตูผู้โดยสารขาเข้า และตรงด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ และขณะนี้กำลังขยายการดำเนินมาตรการคัดกรองไปยังท่าอากาศยานนานาชาติแห่งอื่นในประเทศไทย” นายแพทย์โอภาส กล่าว
นายแพทย์โอภาส กล่าวเน้นย้ำว่า โรคฝีดาษวานร ไม่ได้ติดต่อง่ายเหมือนโรคโควิด-19 โรคฝีดาษวานร สามารถติดต่อได้จากการสัมผัสกับผู้ป่วยแบบใกล้ชิดมากๆ จึงขอให้ประชาชนเคร่งครัดมาตรการ Universal Prevention : UP ล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลบ่อยๆ สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง จะสามารถป้องกันได้ทั้งโรคฝีดาษวานรและโรคโควิด 19 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน กรมควบคุมโรค โทร. 1422 .-สำนักข่าวไทย