“บิ๊กเต่า” เผยพบเส้นเงินหลักพันล้าน โยงคนใกล้ชิดอดีตพระอลงกต 30 คน

กรุงเทพฯ 27 ส.ค. – รอง ผบช.ก. เผยพบเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ หลักพันล้านบาท โยงคนใกล้ชิดอดีตพระอลงกต 30 คน เร่งสอบสวนเอาผิดเพิ่มฐานฟอกเงิน


พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) กล่าวว่า หลักฐานที่ตรวจยึดได้เมื่อวานนี้ ขณะนี้กำลังคัดแยกหลักฐาน เพราะมีข้อมูลเยอะมาก ในเรื่องของพยานหลักฐานที่ได้ตรวจยึดมาจึงต้องคัดแยกเป็นหมวดหมู่และดำเนินการเพื่อตรวจสอบต่อไป

ทั้งนี้หมอบีมีคนใกล้ชิดที่พบ 3 คน และคนใกล้ชิดห่างๆ 1 คน โดยในวันที่เข้าตรวจค้นบ้าน มีคนที่อยู่ด้วยกัน 3 คน อีกคนเป็นเลขาฯ และน่าจะมีปัญหาขัดแย้งกันภายใน จึงมีการออกมาพูดถึงเรื่องความผิดปกติต่างๆ ซึ่งตำรวจได้มีการสอบปากคำคนใกล้ชิดเป็นผู้หญิงไว้เป็นพยาน การบริหารงานของหมอบี ยังไม่ดีเท่าวัดเท่าไหร่ ส่วนเน็ตไอดอลขอไม่ลงลึกในรายละเอียด


พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า หมอบีเป็นเส้นเลือดใหญ่ กระจายบางส่วนออกไปสู่คนใกล้ชิด เมื่อถามถึงกรณีนักร้อง อินฟลูเอนเซอร์ พล.ต.ต.จรูญเกียรติบอกว่า เป็นคำบ่นของอดีตพระอลงกต ว่ากลุ่มนักร้องที่มาแสดงดนตรี โกงอดีตพระอลงกตเรื่องค่าใช้จ่ายไม่ตรง สมมติขายบัตรได้เท่าไหร่ และจะต้องหักค่าใช้จ่ายให้วัดเท่าไหร่

ส่วนกรณีบ้านดำโอนกลับไปเป็นชื่อของอดีตพระอลงกตแล้วก่อนจะมีเรื่อง โดยบ้านหลังนี้มีการโอนผ่านไปยังอดีตพระอลงกตแล้ว แต่เนื่องจากตำรวจอยากได้เส้นทางการเงินที่ชัดเจน และเป็นเส้นทางการเงินที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ จึงรอเวลาการขอสเตทเม้นท์ จนพบเส้นเงินที่โยงและนำไปใช้ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม ส่วนรายละเอียดลึกๆ การโอนกลับยังไม่เห็นว่ามีการทำสัญญาให้โอนกลับมายังผู้ให้หากผู้รับเสียชีวิต ทั้งนี้จะนำทรัพย์สินทั้งหมดที่มีคนนำมาบริจาคและนำไปซื้อทรัพย์สินที่เป็นที่ดิน และอยู่ในความครอบครองของคนอื่น จึงประกาศเตือนไปถึงทุกคนที่ยึดถือครอบครองทรัพย์สินของวัดทั้งบ้านที่ดิน ให้นำมาคืนวัดให้หมด ให้ติดต่อกับพนักงานสอบสวนหากไม่คืนจะถือว่ามีเจตนา

ส่วนการตรวจสอบเมื่อวานนี้ เจอทั้ง อาวุธปืน 2-3 กระบอก โฉนดที่ดินและเงินสดจำนวนหลายล้าน ส่วนกรณีโรงเรียนทางรัฐบาลได้เข้าไปดูแลแล้ว เรื่องที่อดีตพระอลงกตห่วงอยู่เรื่องเดียวคือผู้ป่วยเอดส์จำนวนหลักร้อยคนที่อยู่ในวัดนอนติดเตียง ทางกองบังคับการปราบปรามได้ประสานกระทรวงสาธารณสุขเข้าไปดูแลแล้ว ส่วนทรัพย์สินต่างๆ จำนวนมาก ทั้งที่ดิน มูลนิธิหลวงพ่อไม่ได้ให้ความเห็นว่าใครจะเหมาะสม ขึ้นอยู่กับสำนักงานพระพุทธศาสนาจะเป็นผู้ดำเนินการพิจารณาว่าใครจะมีความเหมาะสม ที่จะเข้าดูแลวัดพระบาทน้ำพุ และหน่วยต่างๆ ต่อ


เมื่อถามถึงประเด็นอดีตพระอลงกตมีครอบครัวหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า เป็นการบ้านข้อหนึ่งที่จะต้องทำ เพราะเมื่อวานนี้ได้ทำการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของอดีตพระอลงกตไว้แล้วจะต้องตรวจสอบต่อไป เมื่อถามถึงเด็กที่ชื่อใจฟ้ามีตัวตนจริงหรือไม่ รอง ผบช.ก. บอกว่าอย่าเพิ่งไปไกล ข้อมูลที่มีคงจะไปดำเนินการตรวจสอบ

ส่วนเส้นทางการเงินของวัดพระบาทน้ำพุ ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินสัมพันธ์มีเงินหมุนเวียนในการเบิกถอนพบบุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้องในกระบวนการประมาณ 30 คน เป็นบุคคลที่ทำงานใกล้ชิดกับหลวงพ่อ ซึ่งเส้นเงินที่มีความสัมพันธ์กันส่วนนี้จะต้องเป็นหน้าที่ตำรวจจะต้องไปขยายผลต่อไป เชื่อว่าเงินน่าจะผ่านบัญชีเป็นเงินสดจำนวนหลาย 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะต้องเรียกบุคคลใกล้ชิดที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาสอบปากคำอยู่แล้ว

ส่วนจะมีใครถูกออกหมายจับเพิ่มเติมหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องทำการสอบสวนคลี่คลายคดีนี้ เงินบริจาคทั้งหมดที่ได้มาที่ไม่ใช่เงินส่วนตัว ถือว่าเป็นการบริจาคมาเพื่อวัดพระบาทน้ำพุเป็นส่วนใหญ่ ส่วนจะมีการบริจาคให้อดีตพระอลงกตส่วนตัวยังไม่ค่อยเห็น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการบริจาคเงินมาช่วยผู้ป่วยเอดส์ ซึ่งใครที่จะมาเกี่ยวกับเงินพวกนี้จะโดนข้อหาฟอกเงินไปด้วย

ส่วนกรณีการเข้าตรวจค้นที่พบเครื่องทำลายเอกสาร พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ส่วนตัวเชื่อว่าเส้นเงินที่มีความสัมพันธ์กัน อย่างไรก็ไม่สามารถแก้ไขหรือทำลายหลักฐานได้

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า เมื่อดูเรื่องทั้งหมดแล้วน่าจะใช้ชื่อปฏิบัติการว่า “อลงกตการละคร” มากกว่า เพราะเป็นการแสดงละครเพื่อตบตาประชาชนเพื่อให้ได้ทรัพย์สินมา เป็นเรื่องของการฉ้อฉลหลอกลวงพี่น้องประชาชน เพราะความจำเป็นในเรื่องของการรักษาผู้ป่วยไม่มีเพราะยาจะต้องไปเบิกที่รัฐ คดีนี้เข้าข้อหาฉ้อโกงประชาชนได้ แต่มองว่าหากเอาผิดในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ทรัพย์สินจะตกไปอยู่กับแผ่นดิน แต่ส่วนตัวอยากให้ทรัพย์สินทั้งหมดกลับคืนสู่วัด จึงตั้งข้อหาเอาผิดตามมาตรา 147, 157 และฟอกเงิน

ส่วนช่วงเวลาที่หายไปนั้น ทางตำรวจรับฟังข้อมูลทั้งเรื่องการทำงานก่อสร้างเปโตรนาส ที่มาเลเซีย 2-3 ปี โดยไปก่อสร้างไม่ได้เขียนแบบ รวมถึงก่อนหน้านี้อดีตพระอลงกตบอกว่าหลังเล่นฟุตบอลก็ไปมีเรื่องสำมะเลเทเมา ส่วนการเกณฑ์ทหารก็น่าจะตรวจสอบได้เพราะมีการหนีไปและกลับมาเปลี่ยนเป็นชื่อบุคคลอื่น จากคำให้การก็ไม่เชื่อทั้งหมดที่อ้างว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน อย่างไรก็ตาม ศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยทางพระพุทธศาสนาต้องการทำข้อมูลข้อเท็จจริงให้มากกว่านี้เพราะข้อมูลข้อเท็จจริงที่อดีตพระอลงกตมีการอัพเดตชื่อเลขบัตรประชาชน 13 หลัก จะต้องตรวจสอบได้

ทั้งนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า การสอบปากคำอดีตพระอลงกตเป็นการพูดคุยเรื่องการสึก/ไม่สึก, เรื่องยิงนักข่าว ซึ่งเรื่องการยิงนักข่าวทางท่านอ้ำอึ้งไม่อยากตอบ ทราบว่าเกี่ยวข้อง แต่ไม่อยากพูด

ส่วนดาราที่รับเงิน รวมถึงนักร้อง จะเป็นกลุ่มต่อไปที่จะต้องดำเนินคดีหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน

“หมอบีเก่งมาก เพราะโน้มน้าวคนให้อยู่ร่วมกันและเข้าใจกันได้ เขียนหนังสือว่าทุกคน เป็นพี่น้องอยู่กันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน หลังจากนี้จะต้องเรียกคนใกล้ชิดมาสอบ เพราะหมอบีเป็นเส้นเลือดใหญ่ นอกจากหมอบีจะมีมนต์ขลังจะต้องมีเงินด้วย” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว

ทั้งนี้ มีข้อมูลที่มีการร้องเรียนผ่านศูนย์ฯ มาจำนวน 300-400 เรื่อง ยังพบว่ามีเรื่องร้องเรียนในลักษณะนี้อยู่ ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ จะมีการประชุมและเร่งรัดสรุปว่าเรื่องไหนจบ เรื่องไหนไปต่อได้ และเรื่องไหนควรทำอย่างเร่งด่วน เพราะมีเรื่องที่น่าจะสึกพระได้อีกหลายรูปแต่ไม่ใช่พระชั้นผู้ใหญ่ แต่มีพฤติกรรมส่อไปในทางที่ต้องปาราชิก. -419- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” แจงข้าหลวงใหญ่ UN ปมกัมพูชา

สวิตเซอร์แลนด์ 27 ส.ค.-“มาริษ” เผยคุยรองข้าหลวงใหญ่ UN ปมไทย-กัมพูชา สัญญาณบวก เข้าใจไทยไม่ทำผิดกติการะหว่างประเทศ ไม่เห็นด้วย “ฮุน เซน” อัดเสียงคุยนายกฯ และการใช้สงครามข่าวปลอม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบหารือกับนางนาดา อัล-นาชิฟ (Nada Al-Nashif) รองข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อแสดงข้อมูลหลักฐานและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา นายมาริษ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ได้เล่าให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ฟังถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาในหลายประเด็น ซึ่งรองข้าหลวงใหญ่ฯมีความเห็นที่สนับสนุนประเทศไทยในหลายเรื่อง และมีท่าทีที่เป็นห่วงประเทศไทยมาก ซึ่งตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการที่กัมพูชาใช้โซเชียลมีเดียโจมตีไทยมานานแล้ว มีการให้ข้อมูลว่าไทยลอกเลียนแบบวัดและประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ซึ่งไทยพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยความอดทนอดกลั้น และพยายามชี้แจงให้เห็นว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ก่อตั้งกันมาจากรากเหง้าทางวัฒนธรรมเดียวกัน ไทยต้องการแก้ไขปัญหาไม่ต้องการแสดงความร้าวฉานระหว่างชุมชนและ ประชาชนของทั้งสองประเทศ และเมื่อปัญหาคุกรุ่นมากขึ้นไทยก็พยายาม แก้ปัญหาด้วยการให้กัมพูชามาพูดคุยแบบทวิภาคี เป็นการอธิบายให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ได้เข้าใจว่าไทยปฏิบัติตามกติกา ยึดถือกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ และพยายามหาทางให้กัมพูชามาพูดคุยกับไทย ซึ่งไทยกับกัมพูชามีข้อตกลง MOU43 ที่ทั้งสองประเทศจะต้องแก้ปัญหาร่วมกันอย่างสันติวิธี และด้วยความจริงใจ นับเป็นกลไกที่องค์การสหประชาชาติให้ความสำคัญ คือการเจรจาทวิภาคีโดยสันติและจริงใจ โดยไทยยึดมั่นมาโดยตลอด และเป็นเป้าหมายที่สำคัญของไทย นายมาริษ กล่าวว่าตนได้หยิบยกประเด็นที่สมเด็จฮุน เซน อัดเสียงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของไทย และนำมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง […]

“ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว

ศาลอาญาฯ 27 ส.ค. – “ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว เหตุคดีมีอัตราโทษสูง และมีทรัพย์สินมูลค่าความเสียหายสูง พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการป้องกันปราบปราม ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอฝากขังครั้งแรก พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือนายอลงกต พูลมุข ผู้ต้องหาที่ 1 และนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล ผู้ต้องหาที่ 2 ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยินยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าโดยทุจริต, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่รักษาทรัพย์ใดฯ, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอนุญาตให้ฝากขัง 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.- 7 ก.ย.นี้ โดยผู้ต้องหาที่ 1 ไม่ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นนี้ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 […]

พลทหารเหยียบกับระเบิดพื้นที่ปราสาทตาควาย

สุรินทร์ 27 ส.ค.-พลทหารเหยียบกับระเบิด ขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ปราสาทตาควาย ขาขวาท่อนล่างขาด เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 15.45 น. เกิดเหตุ พลทหาร อดิศร ป้อมกลาง สังกัด กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 23 เหยียบกับระเบิด ขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ปราสาทตาควาย เบื้องต้นได้รับบาดเจ็บ บริเวณขาขวาท่อนล่างขาด หน่วยในพื้นที่ได้เข้าดำเนินการช่วยเหลือ และนำส่งเพื่อรับการรักษาแล้ว รายละเอียดอื่นๆ จะรายงานให้ทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 แถลงผลประชุม RBC 11 ข้อ ย้ำปฏิบัติตามเงื่อนไขหยุดยิงเคร่งครัด

ศรีสะเกษ 27 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 แถลงผลประชุม RBC 11 ข้อ ที่ด่านศุลกากรช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ ย้ำให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการหยุดยิงอย่างเคร่งครัด ไม่ขยายขอบเขตความขัดแย้ง ไม่เผยแพร่ข่าวปลอม รวมถึงเห็นชอบให้ความร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ-แก๊งคอลเซ็นเตอร์ คำแถลงข่าวร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองทัพภาคที่ 2 ราชอาณาจักรไทย และภูมิภาคทหารที่ 4 ราชอาณาจักรกัมพูชา วันที่ 27 สิงหาคม 2568 จังหวัดศรีสะเกษ ราชอาณาจักรไทย การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) สมัยวิสามัญ จัดขึ้นวันที่ 27 สิงหาคม 2568 ในจังหวัดศรีสะเกษ ราชอาณาจักรไทย โดยมี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และพลโท […]