กรุงเทพฯ 18 ส.ค. – มุมมองอดีตนายตำรวจ เห็นว่า การทำสำนวนคดี “วรยุทธ อยู่วิทยา” ของพนักงานสอบสวน มีการสอบสวนที่พยายามทำลายพยานหลักฐานมาตั้งแต่แรก และสะท้อนปัญหาความไม่ตรงไปตรงมาในกระบวนการสอบสวน ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบกระบวนการยุติธรรม
ความบกพร่องและความเป็นเท็จในการทำสำนวน คือ ข้อสรุปของอาจารย์วิชา มหาคุณ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญานายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส หลังใช้เวลาร่วม 3 ชั่วโมง ร่วมซักถามคณะทำงานของ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พ.ต.ท.วิรดล ทับทิมดี พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ที่เชิญมาให้ข้อมูลเมื่อวานนี้ (17 ส.ค.)
แต่ในมุมมองของอดีตนายตำรวจที่เคยทำงานด้านการสอบสวน เห็นว่า นี่เกินกว่าคำว่าบกพร่องในการทำสำนวน แต่เป็นการสอบสวนเพื่อทำลายพยานหลักฐานมาตั้งแต่แรก ไม่มีการนำพยานหลักฐานสำคัญเข้าไปในสำนวน ทั้งเรื่องการพบสารประกอบโคเคน และความเร็วรถ ซึ่งปกติจะยึดหลักฐานของหน่วยงานพิสูจน์หลักฐานเป็นสำคัญ แต่กลับมีการตั้งใจเปลี่ยนแปลงการทำสำนวนคดี และน่าจะเข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.วิรดล ลงวันที่สอบ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ไม่ตรงกับความจริง ซึ่งถูกมองว่าเป็นเรื่องใหญ่นั้น อดีตนายตำรวจให้ข้อมูลว่า ในการทำสำนวนการสอบสวน มีหลายคดีที่ลงวันที่ไม่ตรงกับความจริง เพื่อให้ดูสมเหตุสมผล แต่คดีนี้มีข้อน่าสังเกต ทำไมต้องลงวันที่ไว้ถึง 2 วัน และวันที่มีการสอบ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ไม่มีใครรู้ว่าเป็นการสอบภายใต้บรรยากาศแบบไหน และ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ลงชื่อไปในคำให้การด้วยความเต็มใจหรือจำใจ
มีข้อเสนอแนะว่า ต่อไปการให้ถ้อยคำกับพนักงานสอบสวน ควรเป็นการบันทึกภาพและเสียง เพราะจะเป็นหลักฐานต้นฉบับที่ไม่ได้ผ่านการดัดแปลง แตกต่างจากการบันทึกถ้อยคำโดยพนักงานสอบสวน ที่ไม่รู้ว่าจะบันทึกหรือไม่บันทึกอะไรลงไปบ้าง และควรจะอ่านให้ละเอียด ก่อนที่จะเซ็นชื่อท้ายคำให้การ. – สำนักข่าวไทย