กรุงเทพฯ 15 ก.ค.- “ศักดิ์สยาม” สั่งเข้มมาตรการป้องโควิด ใช้มาตรฐานสาธารณสุขคุม พร้อมนำบทเรียนมาทบทวน สิ่งผิดพลาดจากความคลาดเคลื่อนในการสื่อสาร เผยฉีดวัคซีนโควิดตอนนี้คืบหน้ามั่นใจปีหน้ามีข่าวดี ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขจะลงนามเอ็มโอยูกับต่างชาติหาอาสาสมัคร 5,000 คนมาทดลอง ฉีดวัคซีนโควิด-19 เหตุผู้ป่วยไทยไม่พอ ด้านปรับเกณฑ์ 11 กลุ่มพิเศษเป็นหน้าที่ ศบค.
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า มาตรการในการรักษามาตรฐานของสนามบินที่อยู่ในกำกับดูแลของกระทรวงคมนาคม ทั้ง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.)และ กรมท่าอากาศยาน (ทย.)ในการควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 นั้นยืนยันว่า สนามบินที่อยู่ในกำกับทั้งหมดดำเนินการตามมาตรฐานทั้งเรื่องความสะอาด และควบคุมโรค อย่างเข้มงวดอยู่แล้ว ตามมาตรฐานระเบียบของกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ภายใต้การกำกับของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ที่ดูแลเรื่องการแพร่ระบาดโควิด-19 ระหว่างประเทศ
ส่วนการที่จะต้องมีการปรับคุณสมบัติ ในมาตรการกำกับประกาศของ กพท. ที่กำหนดผู้ที่ได้รับสิทธิในการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยใน 11 กลุ่มที่ได้รับสิทธินั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของ ศบค. กระทรวงคมนาคมไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งเรื่องนี้มองว่า เป็นความคลาดเคลื่อนในการสื่อสารและการปฏิบัติ
ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน จะต้องกลับมาดูว่ามีปัญหาอุปสรรคอย่างไรบ้างในทางปฎิบัติ หรือ อุปกรณ์ เพื่อมาปรับปรุงและนำบทเรียนครั้งนี้มาทบทวน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคนไทยอย่าการ์ดตก ต้องปฎิบัติตัวอย่างเคร่งครัด ปฏิบัติตามมาตรฐานของกรมควบคุมโรค ทั้งเรื่องการใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ และ เว้นระยะห่างทางสังคม เพราะขณะนี้สิ่งที่รอคือ วัคซีน ที่ขณะนี้คืบหน้า ที่ก่อนหน้าได้มีการทดลองในสัตว์ และล่าสุดในเฟส 2 จะมีการทดลองกับคนแล้ว โดยจะใช้อาสาสมัคร 5,000 คนมาทดลอง ซึ่งการทดลองต้องเอาคนที่ติดเชื้อมาฉีดวัคซีน แต่ในประเทศไทยสถิติดีไม่มีคนติดเชื้อในประเทศ ดังนั้นทางกระทรวงสาธารณสุขจึงจะมีการดำเนินการ ลงนามในบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) กับประเทศอื่นๆ ที่แพร่ระบาดอยู่ให้เข้ามาทดลองฉีดวัคซีน ซึ่งคาดว่าปีหน้าประเทศไทยมีข่าวดีแน่นอน .-สำนักข่าวไทย