ส่งสารวัตรเกษตรแจ้งเกษตรกรส่งคืนสารเคมีตามกฎหมาย

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – กรมวิชาการเกษตรเร่งทำความเข้าใจเกษตรกรให้ส่งคืนพาราควอตและคลอร์ไพริฟอส โดยขอความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้นำชุมชนประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึง รวมทั้งส่งสารวัตรเกษตรตรวจเยี่ยม ให้คำแนะนำเกษตรกรส่งคืนสารเคมีตามเวลาที่กฎหมายกำหนด


นางสาวอิงอร ปัญญากิจ รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ได้ดำเนินมาตรการตามที่นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบหมายทำความเข้าใจแก่เกษตรกร ร้านค้า ผู้ผลิต และผู้นำเข้าเกี่ยวกับการส่งคืนสารเคมีการเกษตร 2 ชนิด คือ พาราควอตและคลอร์ไพริฟอส ซึ่งมีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมกำหนดให้เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 ทั้งนี้ ได้ขอความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านให้ประชาสัมพันธ์เกษตรกรเป็นลำดับแรก เนื่องจากต้องส่งคืนสารเคมีการเกษตรทั้ง 2 ชนิดที่ร้านค้าภายใน 90 วัน คือ ก่อนวันที่ 29 สิงหาคม 

นอกจากนี้ ยังส่งสารวัตรเกษตรออกตรวจเยี่ยมเกษตรกร เพื่อสร้างความเข้าใจและให้คำแนะนำว่าหากจำได้ว่าซื้อจากร้านค้าใดให้ส่งคืนที่ร้านนั้น เพื่อที่ร้านค้าจะได้รวบรวมส่งผู้ผลิตและผู้นำเข้า ซึ่งร้านค้ารับมาจำหน่าย แต่ถ้าจำไม่ได้สามารถส่งคืนที่ร้านขายสารเคมีการเกษตรร้านใดก็ได้


ทั้งนี้ ยืนยันว่ากรมวิชาการเกษตรไม่มีนโยบายจะจับกุมเกษตรกร แต่จำเป็นต้องแนะนำให้ปฏิบัติตามกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนด ไม่เช่นนั้นจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยขณะที่ยังมีเวลาอยู่นี้จะเร่งทำความเข้าใจกับเกษตรกรให้ดีที่สุด จากการสำรวจปริมาณสารเคมี 3 ชนิด เดือนพฤษภาคมพบว่าทั่วประเทศมีร้านจำหน่าย 16,005 ร้าน สารที่ให้เลิกใช้ ได้แก่ พาราควอต 8,562.64 ตัน และคลอร์ไพริฟอส 697.08 ตัน ส่วนไกลโฟเซตอยู่ในมาตรการจำกัดการใช้มี 9,019.10 ตัน รวม 18.278.82 ตัน

นางสาวอิงอร กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมวิชาการเกษตรได้ออกคำสั่งเกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการพาราควอตและคลอร์ไพริฟอส ตามที่ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2563 ที่ให้พาราควอตและคลอร์ไพริฟอส เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ห้ามผลิต น้ำเข้า นำผ่าน ส่งออก และครอบครอง เมื่อประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมมีผลบังคับใช้ ทำให้ใบทะเบียน ใบอนุญาตผลิต และใบอนุญาตครอบครองพารควอตและคลอร์ไพริฟอส ซึ่งเดิมเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 สิ้นสุดทันที ดังนั้น ผู้ที่มีไว้ในครอบครองก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2563 ต้องส่งคืนให้ร้านค้าภายใน 90 วัน หรือก่อนวันที่ 29 สิงหาคม 2563 ส่วนร้านค้าจัดจำหน่ายต้องส่งคืนผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า และแจ้งปริมาณต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ภายใน 180 วัน หรือก่อนวันที่ 28 กันยายน 256 สำหรับผู้ผลิตและผู้นำเข้าต้องแจ้งปริมาณต่อพนักงานเจ้าหน้าที่สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร เพื่อรวบรวมแจ้งปริมาณวัตถุอันตรายตามแบบ วอ./วก. 5 ภายใน 270 วันหรือก่อนวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”