สหรัฐ 31 พ.ค.-หลายเมืองในสหรัฐตกอยู่ในภาวะเคอร์ฟิว จากความไม่พอใจตำรวจที่จับกุมชายผิวสีจนถึงขั้นเสียชีวิต แต่การประกาศเคอร์ฟิวกลับไม่สามารถหยุดยั้งการประท้วงรุนแรงได้
เมืองต่างๆ ในสหรัฐต้องประกาศเคอร์ฟิวหรือห้ามออกนอกเคหสถาน เพื่อยับยั้งการชุมนุมประท้วงของชาวอเมริกันในเมืองใหญ่อย่างน้อย 30 เมืองทั่วประเทศ จากเหตุที่นายจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสีที่เสียชีวิตเพราะถูกตำรวจผิวขาวกดคอจนขาดอากาศหายใจ ขณะถูกจับกุมที่เมืองมินนิแอโปลิส รัฐมินเนโซตาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา จากการประท้วงอย่างสันติได้กลายเป็นเหตุรุนแรงในหลายเมือง เมื่อมีการปล้นสะดมร้านค้า เผารถยนต์และอาคาร ตำรวจปราบจลาจลต้องใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางสลายการชุมนุม
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ระบุว่า การเสียชีวิตของนายฟลอยด์ เป็นโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้าสลด และไม่ควรเกิดขึ้น อย่างไรก็ดี ทรัมป์บอกด้วยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นต้องใช้การเยียวยา ไม่ใช่การเกลียดชัง และต้องใช้กระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่ความรุนแรง สำหรับตำรวจที่เป็นผู้จับกุมฟลอยด์ จนเสียชีวิต ได้ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม และจะถูกนำตัวขึ้นศาลเพื่อดำเนินคดีในวันพรุ่งนี้ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 3 นายที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ก็ถูกปลดจากตำแหน่งเช่นกัน
การเสียชีวิตของฟลอยด์ ได้จุดชนวนความโกรธแค้นที่ตำรวจสังหารชาวอเมริกันผิวสีขึ้นมาอีกครั้ง โดยก่อนหน้านี้ก็มีคดีที่ตำรวจผิวชาวสังหารชาวอเมริกันผิวสีมาแล้วหลายคน จนเกิดเป็นกระแสเคลื่อนไหวที่เรียกว่า แบล็ค ลีฟส์ แม็ตเตอร์ เพื่อเรียกร้องให้สังคมรับรู้ว่าชีวิตของคนผิวสีก็มีค่าเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย