ทำเนียบฯ 5 พ.ค.- ศบค.เผยตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 1 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม ขณะที่การตรวจกิจการและกิจกรรมที่ได้รับการผ่อนคลาย พบร้อยละ 96 ปฏิบัติตามมาตรการ โดยร้านอาหารไม่ปฏิบัติตามมาตรการมากที่สุดร้อยละ 6.7
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่าวันนี้ (5 พ.ค.)ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 1 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,988 ราย รักษาหาย 2,747 ราย รักษาตัวอยู่ 187 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตคงเดิม รวม 54 ราย
ทั้งนี้จากจำนวนตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 45 ปี มีภูมิลำเนาที่จังหวัดนราธิวาส มีโรคประจำตัวคือเบาหวาน วันที่ 25 เมษายน มีอาการไอ ไข้ มีน้ำมูก เจ็บคอ มีเสมหะและหายใจเหนื่อย เข้าตรวจที่โรงพยาบาลพบมีอาการปอดอักเสบและเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่จังหวัดนราธิวาส พร้อมส่งตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด-19 ทั้งนี้มีปัจจัยเสี่ยงทั้งประวัติการเดินทางเข้าร่วม ศาสนพิธีที่ต่างประเทศ และมีประวัติสัมผัสกับคนในครอบครัวและเดินทางไปยังสถานที่ชุมชน ซึ่งทั้งหมดจะต้องหาสาเหตุอยู่ว่าติดเชื้อจากที่ใด
โฆษก ศบค. กล่าวว่า ส่วนกรณีพบผู้สงสัยติดเชื้อในจังหวัดยะลา 40 ราย จากการค้นหาเชิงรุก ซึ่งภายหลังมีการตรวจใหม่อีกครั้ง พบไม่ติดเชื้อนั้น ต้องรอตรวจสอบและเก็บตัวอย่าง พร้อมกับทบทวนกระบวนการตรวจเชื้อทั้งหมดอีกครั้ง โดยในช่วงบ่ายวันนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะประชุมแนวทางในการดูแลเรื่องนี้ โดยเฉพาะการดูแลมาตรฐานห้องปฏิบัติการต่าง ๆ รวมถึงชี้แจงข้อสงสัยต่าง ๆ ด้วย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ผู้ป่วยยืนยัน 2 สัปดาห์ล่าสุดจำแนกตามปัจจัยเสี่ยง พบมาจากศูนย์กักกัน 60 ราย สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 49 ราย การค้นหาเชิงรุก 31 ราย ผู้ป่วยเดินทางจากต่างประเทศและอยู่ในสถานที่ที่รัฐจัดให้ 13 ราย และไปในที่ชุมชน 8 ราย
โฆษก ศบค. กล่าวว่า จากรายงานผลสำรวจของประชาชน 99,865 คน ถึงการปฎิบัติตามมาตรการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ตลอดเดือนเมษายนที่ผ่านมา พบว่าร้อยละ 99.8 เข้าใจว่าควรทำตามมาตรการอย่างไร และร้อยละ 93.8 เห็นว่ามาตรการดังกล่าวช่วยลดการแพร่ระบาดของเชื้อได้ ส่วนผลสำรวจพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากประชาชน 99,848 ราย พบว่า มีการใส่หน้ากากอนามัย ร้อยละ 91.2 ล้างมือด้วยสบู่และใช้แอลกอฮอล์ ร้อยละ 87.2 กินร้อนช้อนตัวเอง ร้อยละ 86.1 รักษาระยะห่าง ร้อยละ 65.3 และไม่จับจมูกและปากร้อยละ 62.9
นอกจากนี้ได้สำรวจสถานที่ที่ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 69.9 เห็นว่าควรเปิด คือตลาดสด ร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้า และร้อยละ 45.7 ร้านตัดผม คลินิกเสริมความงาม นวดแผนโบราณและสปา ส่วนสถานที่ที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าไม่ควรเปิด คือ สนามมวย สนามกีฬา สนามม้า ร้อยละ 90.5 / ผับ สถานบริการ สถานประกอบการอาบอบนวด ร้อยละ 89.9 / ศูนย์เด็กเล็กโรงเรียนร้อยละ 64.6 /มหาวิทยาลัย ร้อยละ 56.5 /สนามเด็กเล่น ฟิตเนส สวนสาธารณะ ร้อยละ 49.6 /แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ พิพิธภัณฑสถานห้องสมุด ศาสนสถาน ร้อยละ 49 /ร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรืออื่น ๆ ที่ให้นั่งกินร้อยละ 43.4 /สถานีขนส่งร้อยละ 42.7
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนความกังวลของประชาชนในการยินยอมให้รัฐจัดสถานที่ควบคุมเพื่อสังเกตอาการเริ่มป่วยในชุมชนพบว่าร้อยละ 80 ยินยอม และร้อยละ 20 ไม่ยินยอม แต่ทั้งนี้มีความกังวลว่าผู้กักกันตัวจะออกมาในชุมชน ผู้ปฏิบัติงานในสถานที่ดังกล่าวจะพาเชื้อออกมา รวมถึงเรื่องของความสะอาดสถานที่บริเวณโดยรอบและพาหนะ วัสดุอุปกรณ์จะปนเปื้อนออกมา
โฆษก ศบค. กล่าวว่า สถานการณ์โลกพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 3,645,539 ราย เสียชีวิต 252,396 ราย สหรัฐอเมริกาพบติดเชื้อมากที่สุด 1,212,835 ราย เสียชีวิต 69,921 ราย ขณะที่ไทยอยู่ที่อันดับที่ 61 ของโลก
อย่างไรก็ตาม วันนี้จะมีเที่ยวบินคนไทยที่ตกค้างกลับไทย จากฝรั่งเศส 16 คนอินเดีย 220 คนและในวันที่ 6 พฤษภาคม กลับจากเมียนมา เยอรมนี ปากีสถาน วันที่ 7 พฤษภาคมกลับจากแอฟริกา เกาหลีใต้ วันที่ 8 พฤษภาคม จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอียิปต์ วันที่ 9 พฤษภาคม จากญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ เวียดนาม วันที่ 10 พฤษภาคม จากไต้หวัน สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ผู้เดินทางเข้าประเทศที่ต้องกักกันตัวในสถานที่ที่รัฐจัดไว้ ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายนถึง 4 พฤษภาคม มีจำนวน 12,385 ราย กลับบ้าน 3,302 รายและพบติดเชื้อ 84 ราย
ทั้งนี้จากการตรวจกิจการและกิจกรรมที่ได้รับการผ่อนคลาย ในวันที่ 4 พฤษภาคมจำนวน 9,383 แห่ง พบว่าปฏิบัติตามมาตรการ 9,032 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 96 และไม่ปฏิบัติตามมาตรการ 351 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 4 โดยพบว่า ร้านอาหารไม่ปฏิบัติตามมาตรการมากที่สุดร้อยละ 6.7 ร้านเสริมสวย ไม่ปฏิบัติตาม ร้อยละ 3.1 ห้างในส่วนที่เปิดให้บริการ ไม่ปฏิบัติตาม ร้อยละ 1.7 และตลาดร้านค้าปลีก ร้อยละ 1.5 ส่วนสนามกีฬาไม่ปฏิบัติตาม ร้อยละ 4.7 ร้านสัตว์เลี้ยง ร้อยละ 2 สวนสาธารณะ ร้อยละ 1.7 ขณะที่สนามกอล์ฟปฏิบัติตามมาตรการทั้งหมด.-สำนักข่าวไทย