สธ.หารือมาตรการคลายล็อก ถก ศบค.

สธ.29 เม.ย.-คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เตรียมเสนอแนวทาง เปิดกิจการ–กิจกรรม และตรวจค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกเพิ่ม ให้ได้ 5,000 คนต่อล้านประชากร ภายในเดือนพ.ค.นี้ หลังเตรียมผ่อนปรนมาตรการโควิด-19 โดยประเมินกลุ่ม 4 ธุรกิจ เสี่ยงต่ำเปิดก่อน กลุ่ม 2-3 เสี่ยงปานกลาง ต้องมีการตรวจสอบเข้ม และประเมินผล ย้ำต้องอาศัยความร่วมมือ ทั้งเจ้าของกิจการ ผู้ใช้บริการ เจ้าหน้าที่ควบคุม  


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 6/ 2563 เพื่อหารือแนวทางการคลายล็อกมาตรการโควิด-19 ทั้งกิจกรรม–กิจการ และการตรวจค้นหาผู้ป่วยเชิงลึก ว่า หลังจากสถานการณ์โควิด-19เริ่มดีขึ้น ผู้ป่วยโรคลดลงต่อเนื่อง วันนี้ (29 เม.ย.) พบผู้ป่วย 9 คน จึงมีการพิจารณาแนวทางการผ่อนปรน  และเสนอศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ต่อไป 


โดยแบ่งเป็น 4 กิจการ 

1. กิจการที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน  ร้านอาหารที่เปิดในพื้นที่โล่งแจ้ง ไม่มีเครื่องปรับอากาศ  ,ตลาด (เสี่ยงต่ำ) 

2. กิจการ ที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และสังคม ที่อำนวยความสะดวกให้แก่ชีวิต เช่น ห้างสรรพสินค้า ภัตตาคาร นวดแผนไทย  (เสี่ยงปานกลาง)


3.กิจการ ที่เกิดขึ้นเพิ่มความสะดวกสบาย แต่ต้องมีการตรวจสอบมาตรฐาน หากมีการเปิด ได้แก่ ฟิตเนส โรงยิม สปา กองถ่ายภาพยนตร์  (เสี่ยงปานกลาง)

และ 4. กิจการ กิจกรรม ในพื้นที่แออัด คับแคบปิดทึบ มืดสลัว มองไม่เห็นพื้นผิวสัมผัส  มีการพูดคุยเสียงดัง ได้แก่ สนามมวย บ่อน สถานบันเทิง  

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ในกิจการกลุ่ม 2-3 ต้องมีการประเมิน ในระดับจังหวัด และต้องอาศัยความร่วมมือทั้งคน 3 กลุ่มที่เกี่ยวข้องได้แก่  1.เจ้าของกิจการ 2.ผู้ใช้บริการ และ 3.เจ้าหน้าที่ทำหน้าที่ในการกำกับควบคุม จะมีส่วนหนึ่งส่วนใดบกพร่องไม่ได้ เช่น มาตรการสวมหน้ากากอนามัย การป้องกันระยะห่างระหว่างบุคคล และความสะอาดของกิจการ  

ทั้งนี้ ต้องมีการตรวจสอบประเมินผลสม่ำเสมอ  ขณะเดียวกันต้องมีการตรวจสอบค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก หรือ Active case finding จากเดิมตรวจค้นหาผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงเฉลี่ย 2,000คนต่อ 1 ล้านประชากร ต้องเพิ่มให้ได้ 5,000 คนต่อ 1 ล้านประชากรในเดือนพฤษภาคมนี้  โดยนิยามกลุ่มเสี่ยงครอบคลุม บุคคลากรทางการแพทย์ ผู้ต้องขัง อาชีพ ขับรถสาธารณะ. – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง