กรุงเทพฯ 10 เม.ย. – ผู้ว่าฯ กทม. เผย “จอมมารบู” พร้อมทำงานแล้ว เน้นการเคลียร์พื้นที่จุด E และโซน B กับ C คาดพบร่างอีกกว่า 10 ร่าง ยืนยันอุปกรณ์และน้ำมัน เพียงพอแล้ว
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า รถแบ็กโฮ “จอมมารบู” (FA1000) ที่มาถึงเมื่อวานนี้ มีน้ำหนักกว่า 100 ตัน ซึ่งข้อดีคือแขนเอื้อมที่ยาวประมาณ 40 เมตร สามารถเอื้อมขึ้นไปรื้อบริเวณยอด หรือจุด E ที่แบ็กโฮธรรมดาขึ้นไปไม่ถึง โดยวางแผนให้อยู่ด้านล่างบริเวณโซน A กับ B แล้วยื่นแขนขึ้นไปโกยวัสดุด้านบนลงมา เชื่อว่าบริเวณชั้น 28-29 คาดพบร่างอีกกว่า 10 ร่าง ซึ่งจากข้อมูลที่ได้รับมาชั้นนี้มีคนทำงานอยู่ 14 คน
แผนการปฏิบัติงานวันนี้โฟกัสที่จุด E และ B กับ C ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อกันและเป็นจุดที่พบร่างเมื่อวานนี้ รวมถึงมีกลิ่นออกมาจากบริเวณนั้น และยืนยันว่าน้ำมันรถไม่ขาดแคลน ตอนนี้ใช้น้ำมันดีเซลวันละ 4,000 ลิตร วันนี้ก็เตรียมพร้อมไว้แล้ว เพราะหัวใจของการปฏิบัติงานคือการคาดการณ์ล่วงหน้าให้ได้ ยอมรับว่ามีอุปสรรคเนื่องจากบางครั้งสายไฮดรอลิกไปเกี่ยวกับเหล็กทำให้สายรั่ว ก็มีการประชุมทุกวัน และเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการซ่อมบำรุงไว้พร้อมแล้ว ตอนนี้เครื่องจักรถือว่าพอเพียง มีอยู่ในพื้นที่ประมาณ 20 คัน โดยการเคลียร์พื้นที่ด้านบน จะใช้กำลังคนช่วยในการตัดเหล็กสลับกับเครื่องจักรด้วย เพราะจุดด้านบนส่วนใหญ่เป็นเหล็กที่ค่อนข้างเหนียว ต้องใช้ไฟในการตัด ไม่สามารถใช้รถลากตัดลงมาได้ ถ้าใช้อุปกรณ์ช่วยก็จะทำงานได้เร็วขึ้น
ส่วนอีกสิ่งที่อาจเป็นอุปสรรคคือฝนตกแล้วน้ำจะขังรอบพื้นที่ ตอนนี้ได้ให้สำนักระบายน้ำมาจัดทำระบบระบายน้ำไว้แล้ว น้ำท่วมไม่น่ามีปัญหา แต่ต้องระวังเรื่องความเสถียรของกองวัสดุที่พอมีน้ำหนักมากขึ้น อาจไถลลงมาตรงจุดที่มีความลาดเอียงได้ แต่เมื่อคืนนี้ก็เฝ้าระวังกันอยู่แต่ไม่พบปัญหาอะไร ดังนั้นปัญหาเดียวที่พบคือการขึ้นไปบนจุด E แต่หลังจากที่แบ็กโฮยักษ์มาช่วยแล้วก็น่าจะแก้ปัญหานี้ได้ ซึ่งขณะนี้พร้อมเริ่มงานแล้ว เมื่อคืนอยู่ระหว่างการประกอบส่วนต่าง ๆ ให้พร้อมใช้งานแต่อาจใช้เวลาหน่อย เพราะแค่สลัก 1 ตัว ก็ต้องใช้คนถึง 2 คน ในการช่วยกันยก
นอกจากนี้ วันนี้ในช่วงบ่ายจะมีพิธีทำบุญโดยนิมนต์พระสงฆ์ 103 รูป ตามคำแนะนำของสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี หรือ เจ้าประคุณสมเด็จธงชัย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรราชวรวิหาร ซึ่งจะเป็นการสวดมนต์ให้ทั้งผู้ที่ประสบภัย ญาติพี่น้องและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ
สำหรับในช่วงสงกรานต์ที่เป็นวันหยุดยาว ทีมค้นหาก็จะยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนเจ้าหน้าที่อาสา อาจเป็นการหมุนเวียนกันมาปฏิบัติงาน แต่ในส่วนของหน่วยราชการก็จะไม่มีวันหยุด เพราะเป้าหมายคือเราต้องทำภารกิจให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ ซึ่งจนถึงปัจจุบันสามารถขนวัสดุออกจากพื้นที่ได้วันละประมาณ 2,000 ลูกบาศก์ตัน ซึ่งตอนนี้เอาออกไปแล้วประมาณ 30% จากกองเศษซากวัสดุทั้งหมด ส่วนวิธีจัดการแยกวัสดุออกมามีหลายวิธีการทั้งการตัดเหล็ก ทุบปูน หรือส่วนไหนที่แตกอยู่แล้วก็โกยลงมาได้เลย แล้วแต่ความเหมาะสมกับหน้างาน. -720-สำนักข่าวไทย