สเปน 20 เม.ย.- สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในยุโรปเริ่มดีขึ้นแล้ว ขณะที่บางประเทศเตรียมผ่อนปรนมาตรการในการควบคุมโรค
เริ่มกันที่สเปนเมื่อวานนี้ พบว่ามีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 410 คน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขผู้เสียชีวิตรายวันต่ำที่สุดในรอบเกือบ 1 เดือน ขณะที่ยอดรวมผู้เสียชีวิตอยู่ที่กว่า 20,000 คน และพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีกกว่า 4,200 คน ทำให้ยอดสะสมเพิ่มเป็นเกือบ 199,000 คนแล้ว นับว่ามีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในยุโรปและมากเป็นดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐ
ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงกล่าวว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ลดลง ทำให้เริ่มมีความหวัง ด้านนายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชส ประกาศว่ารัฐบาลอาจจะขยายการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปอีก 2 สัปดาห์ หลังจากที่พบว่ามาตรการปิดเมืองช่วยทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลดลงจากร้อยละ 20 ลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2 เท่านั้น
ส่วนที่ฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรีเอดัวร์ ฟิลิปป์ แถลงแนวทางในการปฏิบัติตนของประชาชนหลังจากที่ฝรั่งเศสจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในวันที่ 11 พฤษภาคม ทางการกำหนดว่าผู้ที่จะใช้บริการรถโดยสารสาธารณะจะต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้ง รวมทั้งต้องรักษาระยะห่างทางสังคมด้วย ส่วนใครที่ต้องทำงานมาจากบ้านก็ให้ปฏิบัติต่อไป พร้อมกับมีคำแนะนำว่าในช่วงนี้ยังไม่ควรวางแผนเดินทางไปพักร้อน อย่างไรก็ดี เวลานี้การแพร่ระบาดในฝรั่งเศสถือว่าผ่านจุดวิกฤติหนักสุดไปแล้ว ขณะที่ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 150,000 คนและมีผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 20,000 คน
ขณะที่รัฐบาลอังกฤษยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะอนุญาตให้โรงเรียนเปิดทำการได้เมื่อไร แม้ว่าก่อนหน้านี้ สื่อเคยคาดการณ์ว่าอาจจะมีการเปิดเรียนได้ในเดือนหน้า นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่รัฐบาลยังยืนยันด้วยว่ายังไม่มีแผนที่จะผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองในช่วงนี้แม้ว่าสถานการณ์แพร่ระบาดในอังกฤษน่าจะถึงหรือผ่านพ้นช่วงวิกฤติหนักสุดไปแล้วก็ตาม ขณะที่ล่าสุดมียอดผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 120,000 คน มากเป็นอันดับ 5 ของยุโรป และมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 16,000 คน
ขณะเดียวกันมีแพทย์คนหนึ่งออกมาประท้วงว่าถูกรัฐบาลทอดทิ้งเนื่องจากมีปัญหาขาดแคลนชุดป้องกันการติดเชื้อสำหรับเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล การประท้วงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากมีพยาบาลคนหนึ่งของโรงพยาบาลเมืองลูตันเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019.-สำนักข่าวไทย