กองปราบฯ 19 พ.ย. – “ทนายบอสพอล” แจ้งความเอาผิด “กฤษอนงค์-ฟิล์ม” พยายามฉ้อโกง จ่อฟันเอาผิดเพิ่ม 89 ขบวนการอ้างตัวเป็นผู้เสียหาย
นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล เข้าแจ้งความเอาผิดนางสาวกฤษอนงค์ เจ้าของเพจกฤษอนงค์ต้านโกง และนายฟิล์ม รัฐภูมิ ในกรณีที่ปรากฏคลิปเสียงที่มีการแอบอ้างชื่อนายภูดิท กำเนิดพลอย หรือหนุ่ม กรรชัย เพื่อเรียกรับเงิน 20 ล้านบาท วันนี้หลังจากที่ได้เดินทางเข้าไปพบกับบอสพอล ที่เรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพ และบอสปัน ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อรับมอบอำนาจจากบอสพอลในนามนิติบุคคลบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ก็ได้เดินทางมาแจ้งความเอาผิดกับนางสาวกฤษอนงค์ และฟิล์ม รัฐภูมิ ในข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ซึ่งออเดอร์นี้เป็นออเดอร์พิเศษ นอกเหนือจากการดำเนินคดีหลักที่ตนเคยได้ออกมาชี้แจงกับสื่อ ซึ่งตนเองก็ไม่ทราบว่าคลิปเสียงดังกล่าวในคดีนี้หลุดไปที่หนุ่ม กรรชัย ได้อย่างไร คาดว่าจะเกิดจากลมพัดไปให้ เพราะช่วงนั้นมรสุมมันแรง ยืนยันว่าคลิปเสียงไม่ได้หลุดมาจากฝั่งตน ยอมรับว่าทั้งตนและบรรดาบอสดิไอคอนกรุ๊ป ก็รู้สึกตกใจ เพราะตนก็เพิ่งกู้คลิปเสียงจากระบบคลาวด์ในโทรศัพท์ของบอสปันได้
โดยคดีนี้มีพยานทั้งหมด 3 คน คือหนุ่ม กรรชัย และบอสอีก 2 คน ที่อยู่ในเรือนจำ แต่ทั้ง 2 คน ก็ยังไม่เคยให้ปากคำในฐานะพยาน ซึ่งคดีนี้มีคลิปเสียงทั้งหมดด้วยกัน 3 คลิป ตอนนี้มีการปล่อยไปแล้ว 2 คลิป เหลืออีก 1 คลิป ซึ่งคลิปดังกล่าวมีความเชื่อมโยงและเป็นหลักฐานผูกมัดผู้กระทำความผิด และเป็นบุคคลเดิมที่ก่อเหตุ
ส่วนกรณี 89 คน ที่อ้างว่าเป็นผู้เสียหายจากคดีดิไอคอน ที่ทางนางสาวกฤษอนงค์พามาเรียกร้องขอรับเงินชดเชยจากดิไอคอน จากกรณีที่ขายของไม่ได้ไปแล้ว 8.9 ล้านบาท โดยทั้ง 89 คน ได้นำไปแบ่งให้ น.ส.กฤษอนงค์ คนละ 20% ตอนนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบว่าได้เข้ามาลงทะเบียนทับซ้อนกับบก.ปคบ. หรือไม่ หากตรวจพบว่ามีการกระทำความผิดจะแจ้งข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ให้การเท็จ เนื่องจากตนมองว่ามีการทำงานร่วมกันเป็นขบวนการ
เมื่อถามว่ากลุ่มตัวแทนจำหน่ายที่ถูกอายัดบัญชีได้มีการปรึกษาอะไรกับทางฝั่งดิไอคอนหรือไม่ ตนเองแนะนำไปว่าใครอายัดก็ให้ไปบอกคนนั้นให้จัดการแก้ไขปลดล็อกบัญชี นอกจากนี้กลุ่มตัวแทนจำหน่ายดังกล่าวสมัครใจมาเป็นพยานในคดีนี้ เพื่อยืนยันว่าดิไอคอนไม่ได้ทำธุรกิจแชร์ลูกโซ่ตามที่ถูกกล่าวหา ยืนยันว่าฝั่งบอสไม่ได้มีการไปร้องขอแต่อย่างใด
ยืนยันว่าบริษัทดิไอคอนไม่ประสงค์ดำเนินคดีกับอดีตนักการเมือง ส. แต่ส่วนที่ บก.ปปป. ขยายผลจะดำเนินคดีนาย ส. ในส่วนที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ก็เป็นสิทธิ์ของ บก.ปปป. แต่ข้อมูลตนได้มีการแจ้งไปตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการเรียกตบทรัพย์ โดยเงินที่ปรากฏตามสื่อที่ออกมาแฉนั้นเป็นเงินที่ทำบุญ ไม่ได้มีการโอนกันทุกเดือน ส่วนเส้นทางทางการเงินที่พบจำนวน 10 ล้านบาท มองว่าเป็นการโอนกันระหว่างแม่ลูก ไม่ได้เป็นเส้นเงินที่บอสพอลจ่าย.-416-สำนักข่าวไทย