วอชิงตัน 16 เม.ย.- ผลสำรวจพบว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่เห็นว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จำเป็นต้องออกคำสั่งให้คนอยู่บ้านทั้งประเทศเพื่อควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ขณะที่ทรัมป์ต้องการให้เปิดธุรกิจบางอย่างภายในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้
นิตยสารดิอีโคโนมิสต์และบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลยูกัพเผยผลสำรวจเมื่อวานนี้ว่า ผู้ตอบร้อยละ 61 เห็นว่าประธานาธิบดีควรออกคำสั่งให้อยู่บ้านทั้งประเทศ ขณะที่ร้อยละ 22ไม่เห็นด้วย และร้อยละ 18 ไม่แน่ใจ ผู้ตอบที่เห็นว่าควรออกคำสั่งให้อยู่บ้านทั้งประเทศส่วนใหญ่เป็นผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครต ไม่ถึงครึ่งหนึ่งสนับสนุนพรรครีพับลิกัน ผู้ตอบร้อยละ 85 เผยว่า ขณะนี้อยู่บ้านตามคำสั่งของรัฐบาลระดับรัฐอยู่แล้ว มีเพียง 7 รัฐที่ไม่ใช้คำสั่งนี้ หนึ่งในนั้นคือรัฐอาร์คันซอ ทางตอนกลางค่อนมาทางใต้ของประเทศ ผู้ว่าการรัฐให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น (CNN) เมื่อวันอาทิตย์ว่า ต้องการใช้มาตรการระยะยาวจัดการไวรัสโคโรนา เพราะไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยการปิดเมืองเท่านั้น
ดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ หนึ่งในคณะทำงานเฉพาะกิจไวรัสโคโรนาของทำเนียบขาวออกความเห็นว่า ทุกรัฐควรมีคำสั่งให้คนอยู่บ้าน เขาไม่อยากเข้าไปพัวพันความขัดแย้งระหว่างอำนาจรัฐบาลกลางกับสิทธิรัฐบาลท้องถิ่น แต่สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วประเทศทำให้ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงไม่มีคำสั่งนี้
ประธานาธิบดีทรัมป์ยังไม่ประกาศเปิดการเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ แต่กล่าวเมื่อวานนี้ว่า การต่อสู้กับโควิด-19 ยังคงดำเนินอยู่ แต่ข้อมูลชี้ว่าทั้งประเทศได้ผ่านจุดสูงสุดของการมีผู้ป่วยรายใหม่แล้ว เป็นความคืบหน้าที่ทำให้รัฐบาลกลางอยู่ในจุดที่จะสามารถสรุปแนวทางให้แต่ละรัฐเรื่องการเปิดประเทศ เขาจะพูดเรื่องนี้ในวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐ ก่อนหน้านี้เขากล่าวเมื่อวันอังคารว่า อาจจะเปิดประเทศเป็นระยะ ๆ เพราะสถานการณ์ในบางรัฐดีมากแล้ว ผู้ว่าการรัฐคือผู้ที่รู้ว่าควรจะเปิดเมื่อใด.-สำนักข่าวไทย