ธนาคารกสิกรไทยกางแผนยุทธศาสตร์ปี 63 ตั้งเป้าสินเชื่อรวมโต 4-6%

กรุงเทพ ฯ 29 ม.ค. – 5 ผู้บริหารธนาคารกสิกรไทยแถลงวิสัยทัศน์ธนาคารกสิกรไทยปี 2563 กำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ยังคงยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ตั้งเป้าสินเชื่อรวมโต 4-6%


นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น 4-6% ส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อลูกค้ารายย่อย (Retail) ที่คาดว่าจะเติบโต 9-11% จากการนำข้อมูลมาใช้วิเคราะห์ในการปล่อยสินเชื่อ ส่วนสินเชื่อเอสเอ็มอี (SME) คาดว่าจะเติบโต 1-3% และสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ (Corporate) คาดว่าจะเติบโต 2-4% ทั้งนี้ ธนาคารตั้งเป้าปี 2563 ปล่อยสินเชื่อบุคคลเพิ่ม 178,000 ล้านบาท เติบโต 30% จากปี 2562

ด้านอัตราส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) จะลดลงเล็กน้อยเป็น 3.1-3.3% สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยในช่วงขาลง รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจะลดลง -5% ถึง -17% เป็นผลมาจากการบังคับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS 9 การเปรียบเทียบกับฐานที่สูงของรายได้จากการจำหน่ายหลักทรัพย์ และธุรกิจประกันที่ยังชะลอตัว  ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้นเป็น 3.6-4.0% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว และธนาคารปรับกลยุทธ์ในการจัดการ NPL โดยเก็บ NPL บางส่วนไว้บริหารจัดการเอง หากคาดว่าจะได้รับการชำระคืนสูงกว่าระยะยาว


ส่วนยุทธศาสตร์ใหม่ของธนาคารยังคงยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และกำหนดเป้าหมายสำคัญ คือ การเพิ่มอำนาจให้ทุกชีวิตและธุรกิจของลูกค้า พร้อมเพิ่มขีดความสามารถใหม่ 8 ด้าน คือ 1.ร่วมมือกับพันธมิตรผสานช่องทางบริการอย่างไร้รอยต่อ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน  2.ปล่อยสินเชื่อรายบุคคลจากฐานข้อมูลอัจฉริยะ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่สอดคล้องกับความเสี่ยง 3.จัดการความเสี่ยงเชิงรุก ป้องกันความเสียหาย และติดตามต่อเนื่อง 4. แสวงหาโอกาสและการเติบโตในตลาดระดับภูมิภาค 5. วิเคราะห์ข้อมูล จะเป็นหัวใจในการสร้างโอกาสทางธุรกิจและเพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดการ 6. ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยทางไซเบอร์ และความสามารถในการจัดการทางไอทีที่รวดเร็ว 7.ส่งเสริมให้บุคลากรมีทักษะความสามารถและร่วมกันขับเคลื่อน มีความคล่องตัวสูง และ 8.เพิ่มศักยภาพองค์กรด้วยเทคโนโลยียุคใหม่มาตรฐานระดับโลก 

นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารจะเน้นการบริหารความเสี่ยงเชิงรุก โดยจะมีการใช้  AI มาตรวจจับภัยไซเบอร์และจะมีการติดตั้งระบบการตรวจจับรายการทุจริต รวมทั้งมีนโยบายการให้สินเชื่อที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสังคมและธรรมาภิบาล เน้นสนับสนุนสินเชื่อ เพื่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม คาดปีนี้จะลงทุนในหุ้นกู้สีเขียวเพิ่มเติมอีก 300-500 ล้านบาท จากปี 2562 ที่มีมูลค่าลงทุน 1,841 ล้านบาท         

นายเรืองโรจน์ พูนผล ประธาน กสิกร บิซิเนส เทคโนโลยี กรุ๊ป หรือ (KBTG) เปิดเผยว่า ธนาคารอยู่ระหว่างจัดตั้งไคไต้ เทค ที่เมืองเซินเจิ้น ซึ่งเป็นที่ตั้งของสตาร์ทอัพจีนที่มีศักยภาพทางด้านนวัตกรรมที่ล้ำหน้าจำนวนมาก แหล่งรวมบริษัทพัฒนาซอฟท์แวร์และเทคโนโลยีกว่า 300 บริษัท และโอกาสในการเข้าสู่อีโคซิสเต็ม ซึ่งเป็นหัวใจหลักทางเทคโนโลยีของประเทศจีน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง