สมุทรสาคร 25 ธ.ค.- ประเด็นร้อนวันนี้คือการบุกจับอดีตรักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าใน จ.สมุทรสาคร คดีอนาจารสามเณรนับสิบคน ตอนแรกเจ้าตัวปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ล่าสุด จำนนต่อหลักฐานยอมรับสารภาพแล้ว
เช้าตรู่วันนี้ ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ ปคม.เข้าจับกุมนายศักดิ์สิทธิ์ สนบ้านแพ้ว อายุ 40 ปี หรือ พระครูสังฆรักษ์ศักดิ์สิทธิ์ กิตติโก อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าสุวัฑฒนาราม-ทุ่งอินทรีย์ อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร หลังตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับฐานกระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี, พาผู้อื่นไปเพื่อการกระทำอนาจาร โดยใช้กลอุบายหรือประทุษร้าย และข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการในลักษณะลามก สืบเนื่องจากมีสามเณรและผู้ปกครองร้องเรียนว่ามีการล่วงละเมิดทางเพศ จึงสืบสวนขยายผลและพบข้อมูลว่า มีการล่วงละเมิดสามเณร อายุระหว่าง 4-15 ปี และถ่ายภาพไว้ด้วย จึงขอศาลอนุมัติหมายจับ และนิมนต์เจ้าคณะตำบลมาสึก ก่อนพาไปสอบปากคำที่ บก.ปคม. พร้อมนำสามเณร 19 รูป และเด็กวัด 4 คน ไปสอบปากคำกับสหวิชาชีพ และตรวจหลักฐานภายในวัด เพื่อประกอบสำนวนคดี
อย่างไรก็ตาม นายศักดิ์สิทธิ์ ให้ความร่วมมือกับตำรวจ พาไปตรวจค้นตามจุดต่างๆ ทั่ววัด ซึ่งในระหว่างการจับกุมยังปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น
แจ้ง 3 ข้อหาอดีตเจ้าอาวาสอนาจารสามเณร
ต่อมามีการแถลงการจับกุม โดย พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บังคับการ ปคม. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยจากการสอบสวนพบว่า มีสามเณรที่ตกเป็นเหยื่อประมาณ 10 รูป จากสามเณรทั้งหมดในวัดที่มีอยู่ 19 รูป อายุระหว่าง 4-15 ปี และเด็กวัดอีก 5 คน จากที่มีทั้งหมด 10 คน อายุต่ำสุด 8 ปี โดยอดีตเจ้าอาวาสบวชอยู่ที่วัดดังกล่าวมานานถึง 20 ปี อาศัยความน่าเชื่อเชิญชวนชาวบ้านส่งเด็กมาบวชเรียนฟรี จะส่งเสียให้เรียนจนจบปริญญาตรี คาดเริ่มก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศสามเณรและเด็กวัดมาตั้งแต่ปี 2560 โดยประพฤติผิดในกาม ขู่เข็ญใช้กลอุบายบังคับ เสพเมถุนสามเณรในวัด และบันทึกภาพเก็บไว้ และยังคอยตรวจสอบการใช้มือถือภายในวัด ทำให้ทุกคนที่ถูกกระทำไม่สามารถแจ้งให้ผู้ปกครองหรือบุคคลภายนอกทราบได้ กระทั่งมีสามเณรผู้เสียหายรายหนึ่งแอบส่งภาพให้ผู้ปกครองได้ พฤติกรรมของพระรูปนี้จึงถูกเปิดเผยขึ้น
ล่าสุด อดีตเจ้าอาวาสรับสารภาพแล้วว่า ก่อเหตุจริง เจ้าหน้าที่แจ้ง 3 ข้อหา กระทำความผิดฐานกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม พาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจารโดยใช้อุบาย หลอกลวงขู่ข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย ซึ่งเป็นการกระทำแก่ผู้สืบสันดาน ศิษย์ในความดูแล ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงฯ หรือยินยอมให้เด็กแสดงหรือกระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจารฯ
ส่วนของกลางที่ตรวจยึดได้มีทั้งโทรศัพท์มือถือของสามเณร 25 เครื่อง ที่ผู้ต้องหายึดไว้, เครื่องคอมพิวเตอร์, ถุงยางอนามัยที่ใช้แล้ว, เจลหล่อลื่น, ผ้าปูนอน และอื่นๆ ซึ่งจะส่งตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ และทำการตรวจสอบขยายผล เพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มต่อไป
หลังจากนี้ ตำรวจ ปคม. เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคม และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด จะร่วมกันสอบปากคำ และฟื้นฟูเยียววยาสภาพจิตใจสามเณรและเด็กวัดที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศต่อไป.-สำนักข่าวไทย