ดีเอสไอ 3 ต.ค.-ครบรอบ 17 ปี วันคล้ายวันสถาปนา 3 ต.ค. กรมสอบสวนคดีพิเศษ โชว์ผลงาน 16ปี สอบสวนคดีพิเศษแล้วเสร็จ 2,497 คดี ปกป้องผลประโยชน์ รักษาเรียกคืนให้ประเทศเกือบ6แสนล้านบาท เดินหน้ายึดมั่นต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ เพื่อเป็นที่พึ่งให้กับประชาชน
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ จำนวนกว่า 1,000 คน ร่วมกันปฏิญาณตน “ข้าราชการ ดีเอสไอไร้ทุจริต” พร้อมแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านการทุจริต ซึ่งมุ่งสนองตอบนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงยุติธรรมในการป้องกัน ปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบของข้าราชการและบุคลากรภาครัฐ และเพื่อปลุกจิตสำนึก สร้างค่านิยมในการยึดมั่น และร่วมมือกันปฏิบัติตามนโยบายการบริหารองค์การตามหลักธรรมาภิบาลให้แก่บุคลากรของกรมสอบสวนคดีพิเศษ รวมทั้งเสริมสร้างภาพลักษณ์ของผู้ปฏิบัติงานในการยึดมั่น ดำรงตน ตามค่านิยมที่สำคัญ 3 ประการ คือเกียรติศักดิ์ เชี่ยวชาญ ซื่อสัตย์ โดยมุ่งปฏิบัติงานให้บรรลุตามยุทธศาสตร์ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสาธารณชนและพัฒนาองค์การอย่างยั่งยืน เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากรมสอบสวนคดีพิเศษ ครบรอบปีที่ 17
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม สถาปนาขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2545 ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2545 มาตรา 36 กำหนดให้กรมสอบสวนคดีพิเศษมีอำนาจหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในคดีพิเศษ ตลอดระยะเวลา 16 ปี ที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษเกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน ทั้งด้านการบริหารราชการ การปฏิรูปและปรับปรุงกฎหมาย การบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐและระบบวิธีการปฏิบัติงาน ภายใต้บริบทแวดล้อมทางด้านการเมือง สังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นองค์การที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทุกด้านอยู่เสมอ พร้อมทั้งยึดถือ “ความซื่อสัตย์สุจริต” และ “ความรักสามัคคี” เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ซึ่งเสมือนเป็นพลังและความเข้มแข็งขององค์การ และพร้อมในการอำนวยความยุติธรรม เพื่อปกป้องผลประโยชน์และความผาสุกของสังคมโดยรวม
ทั้งนี้ ตั้งแต่มีการจัดตั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 17 ปี กรมสอบสวนคดีพิเศษมีการสอบสวนดำเนินคดีพิเศษไปแล้วถึง 2,654 คดี โดยดำเนินการสอบสวนเสร็จแล้ว 2,497 คดี อยู่ระหว่างการสอบสวน 157 คดี
นอกจากนั้นยังมีเรื่องที่รับไว้สืบสวนก่อนรับเป็นคดีพิเศษ ถึง 3,053 เรื่อง ดำเนินการเสร็จแล้ว 2,918 เรื่อง และอยู่ระหว่างดำเนินการ 135 เรื่อง และยังคงเดินหน้า ทำคดีสำคัญต่างๆ ในทุกกลุ่มคดี เพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐ เฉพาะในปีนี้สามารถรักษาผลประโยชน์ให้รัฐกว่า 5 หมื่นล้านบาท
และคดีล่าสุด ศาลมีคำสั่งให้ เพิกถอนพื้นที่ที่นายทุนบุกรุกในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถจังหวัดภูเก็ตจำนวน 93 ไร่ ได้เงินคืนรัฐประมาณ 800 ล้านบาท
โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษได้แบ่งประเภทของอาชญากรรมที่รับไว้ดำเนินการเป็น 4 กลุ่มคดี ดังนี้ 1.ด้านอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ได้แก่ อาชญากรรมด้านการเงิน การธนาคาร การภาษีอากร การฟอกเงิน การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิจ การคลัง กลุ่มนี้มีการดำเนินคดีไปแล้วทั้งสิ้น 803 คดี 2.ด้านอาชญากรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและทรัพย์สินทางปัญญา ได้แก่ อาชญากรรมที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการกระทำความผิดเกี่ยว กับทรัพย์สินทางปัญญา กลุ่มนี้มีการดำเนินคดีไปแล้วทั้งสิ้น 528 คดี 3.ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ อาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อผู้บริโภค สิ่งแวดล้อม และเกี่ยวกับมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กลุ่มนี้มีการดำเนินคดีไปแล้วทั้งสิ้น 373 คดี 4.ด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษ ได้แก่ อาชญากรรมที่เป็นความผิดข้ามชาติ องค์กรอาชญากรรม การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว การเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ การค้ามนุษย์ อาชญากรรมที่กระทบต่อความมั่นคงประเทศ ความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน และอาชญากรรมพิเศษอื่น ๆ กลุ่มนี้มีการดำเนินคดีไปแล้วทั้งสิ้น 950 คดี
โดยคดีพิเศษที่ดำเนินการแล้วเสร็จนั้น เมื่อนำมาคำนวณมูลค่าความเสียหาย/ผลประโยชน์ที่ปกป้อง รักษา เรียกคืนให้แก่รัฐ เอกชน และประชาชนแล้ว มีมูลค่าถึง 599,425,112,300.49 ล้านบาท ในขณะที่แต่ละปี กรมสอบสวนคดีพิเศษใช้งบประมาณเฉลี่ยปีละ 1,000 ล้านบาทเศษ เท่านั้น
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวอีกว่า ก้าวสู่ปีต่อไปกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังคงยึดคำมั่นว่าจะปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มุ่งมั่นในการป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยจะปรับปรุงระบบการปฏิบัติงาน เพื่อมุ่งสู่การเป็นระบบราชการ 4.0 และให้มีมาตรฐานในระดับสากล ลดขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ไม่จำเป็น สร้างการมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วน เสริมสร้างระบบคุณธรรมและความโปร่งใสในการบริหารงานด้านต่าง ๆ พร้อมทั้งแสดงเจตจำนงร่วมกันให้คำสัตย์ปฏิญาณที่แสดงถึงปณิธานในอันที่จะปฏิบัติตน ปฏิบัติงาน เพื่อมุ่งสู่วิสัยทัศน์การเป็น องค์กรหลัก ในการบังคับใช้กฎหมายกับอาชญากรรมพิเศษตามมาตรฐานสากล เพื่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษก้าวไปสู่องค์กรชั้นนำของประเทศที่ได้รับความไว้วางใจและเป็นที่เชื่อมั่น ศรัทธา เป็นที่พึ่งด้านการอำนวยความยุติธรรมให้เกิดขึ้นแก่ประชาชนตลอดไป.-สำนักข่าวไทย