ดีเอสไอเตรียมสอบ “บอสพอล” ในคุก กรณีคลิปจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่

ดีเอสไอ 18 พ.ย. – ดีเอสไอเตรียมสอบ “บอสพอล” ในคุก กรณีคลิปอ้างเคยจ่าย 10 ล้านบาท ให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ยืนยันพบหลักฐานผิดจริงต้องดำเนินคดีทั้งทางวินัยและอาญา


กรณีปรากฏคลิปเสียงสนทนาระหว่างชายและหญิง โดยเนื้อหาบางช่วงฝ่ายหญิงกล่าวอ้างให้ฝ่ายชายรับฟังว่าเคยจ่ายเงิน 10 ล้านบาท แก่เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ผ่านทนายความคนกลาง เพื่อเป็นค่าดำเนินการทางคดี ไม่ให้มีการแถลงข่าว ต่อมาภายหลังเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวของ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือ เจ๊พัช ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่ายออนไลน์ และศูนย์ข่าวต้านโกง ได้มีการออกมายอมรับว่ากรณีคลิปเสียงดีเอสไอเกิดขึ้นมากว่า 10 ปี และตัวกลางที่มาอ้างก็เสียชีวิตไปแล้ว

พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งอยู่ในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ทำหนังสือประสานงานไปยังสำนักข่าวที่มีการนำเสนอคลิปเสียงสนทนานั้น เบื้องต้นพบว่าเป็นเรื่องเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ส่วนกระบวนการตรวจพิสูจน์ หากดีเอสไอได้รับคลิปเสียงมาแล้ว จะตรวจสอบว่าเป็นคลิปเสียงสนทนาจริง หรือมีการตัดต่อในช่วงใดหรือไม่ และจะต้องมีการสอบปากคำบุคคลที่เชื่อว่าเป็นเจ้าของเสียง ต้องดูว่าใช่เสียงของเขาจริงหรือไม่ มีมูลความจริง มีความหมายอย่างไร รวมถึงที่มีการระบุว่ามีตัวกลางนั้นได้มาพบเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ ซึ่งในคลิปเสียงดังกล่าวมีบุคคลที่ดีเอสไอจะต้องเข้าไปสอบปากคำภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ คือ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล โดยจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ซึ่งถ้าหากนายวรัตน์พล ให้ข้อมูลอย่างไรกับดีเอสไอเกี่ยวกับคลิปเสียง ดีเอสไอจะได้นำข้อมูลการให้ปากคำของนายวรัตน์พล มาสอบถามกับ น.ส.กฤษอนงค์ ด้วยว่ากรณีดังกล่าวเจ้าตัวได้เข้ามาพบเจ้าหน้าที่ด้วยตัวเองหรือไม่ หรือได้ให้ตัวกลางบุคคลใดมาติดต่อ และต้องตรวจสอบว่าตัวกลางเสียชีวิตจริงหรือไม่ ต้องพิสูจน์ให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน หากมีการจ่ายเงินจริง จ่ายด้วยวิธีการใด หากพบหลักฐานที่ยืนยันได้ว่ามีเจ้าหน้าที่รายใดกระทำผิดจริง ก็จะต้องดำเนินคดีทั้งทางวินัยและอาญา


เมื่อถามถึงกรณีนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม ในประเด็นเคยตกเป็นผู้เกี่ยวข้องในคดีแชร์ Forex-3D เพราะมีเส้นทางการเงินรับโอนกว่า 6 ล้านบาท เชื่อมโยงกับนายอภิรักษ์ โกฎธิ ผู้ต้องหาสำคัญในคดีฯ และนายรัฐภูมิ เคยเข้าให้ปากคำในฐานะพยานเพื่อชี้แจงเส้นทางการเงินดังกล่าวกับดีเอสไอเมื่อเดือน ส.ค.66 ว่าเป็นค่าจ้างทำเกม พ.ต.ต.ยุทธนา แจงว่า ในคดีดังกล่าวมีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก ส่วนใหญ่พนักงานสอบสวนจะพิจารณาจากบุคคลที่พยานหลักฐานชัดเจนว่าเข้าไปมีเจตนา และก็ต้องดูความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงด้วยว่าเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใด ยกตัวอย่าง เช่น ในคดีดิไอคอนฯ มีบางส่วนที่เป็นดารานักแสดงแล้วถูกแจ้งข้อกล่าวหา เพราะพนักงานสอบสวนต้องดูว่าเกี่ยวข้องมากถึงขนาดรับฟังได้ว่ามีส่วนร่วมในการกระทำความผิด และถ้าหากบุคคลนั้นเพียงเเค่รับจ้าง โดยที่ไม่ได้รู้รายละเอียดของธุรกิจที่ไม่ได้มีการดำเนินธุรกิจเช่นนั้นจริง ๆ ก็ต้องพิสูจน์ว่าเขารู้เท่านั้นจริงหรือไม่.-119-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย ขณะที่ ผบ.ตร. อาลัยตำรวจกล้า สั่งต้นสังกัดดูแลสิทธิประโยชน์ เลื่อนเงินเดือนและชั้นยศ

นักโทษกลับใจ

อดีตนักโทษกลับใจ หลังติดคุก 30 ปี โทรคุยกับพ่อทั้งน้ำตา

อดีตนักโทษชีวิตโตมาในคุก ตั้งแต่อายุ 19 จนตอนนี้ อายุ 49 ปี ร่ำไห้กับตำรวจ ขอให้ช่วยพากลับบ้านที่จากมา 30 ปี ตำรวจโทรศัพท์หาพ่อ ให้ 2 พ่อลูกคุยกันทั้งน้ำตา

ตำรวจจีนพาผู้ต้องสงสัยฉ้อโกง 200 ราย กลับจากเมียนมา

พลเมืองจีน 200 รายที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง ถูกส่งตัวจากเมืองเมียวดีในเมียนมากลับจีนแล้วเมื่อวานนี้ ภายใต้การคุ้มกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน

เด็ก 12 สูบบุหรี่ไฟฟ้า-ดื่มน้ำกระท่อม ทำปอดหาย

ย่าช็อก หลานวัย 12 ปี อาการวิกฤติ ปอดหายเกือบทั้งหมด ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หลังสูบบุหรี่ไฟฟ้าและดื่มน้ำกระท่อมตั้งแต่ ป.4

ข่าวแนะนำ

สว.ยื่นถอดถอนรัฐมนตรี

สว. จ่อยื่นถอดถอน​ “รมต.” กล่าวหาอั้งยี่-ซ่องโจร

สว. ประกาศสงคราม​ เตรียมยื่นถอดถอน​ “รัฐมนตรี” กล่าวหาอั้งยี่-ซ่องโจร พ่วง​ยื่นอภิปราย-แจ้งความ​-เชิญสอบใน​กมธ.​

ส่งกลับเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนอีก 300 คน

วันที่สองของปฏิบัติการขนเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนจากเมียวดี ข้ามชายแดนไทย ส่งกลับประเทศอีก 300 คน รวม 2 วัน ส่งกลับแล้ว 500 คน เหลือพรุ่งนี้อีก 1 วัน

บุกทลายบ่อนทุนจีนเทากลางเมืองภูเก็ต

ตำรวจภูเก็ตบุกทลายบ่อน ‘กลุ่มจีนเทา’ กลางเมืองภูเก็ต รวบนักพนันชาวจีน 13 ราย พร้อมของกลางกว่า 30 รายการ พบเงินหมุนสัปดาห์เดียวกว่า 5 ล้านบาท