กรุงเทพฯ 19 ก.ย.-เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เผย 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน เตรียมหารือยื่น ป.ป.ช. นายกรัฐมนตรีขาดมาตรฐานทางจริยธรรม ด้านประธานวิปฝ่ายค้าน ระบุหากรัฐบางยังไม่เร่งแก้ไขปัญหาของประเทศ จะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจอีกในสมัยการประชุมหน้า
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ภาพรวมของการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ เมื่อวานนี้ (18 ก.ย.) ในส่วนของฝ่ายค้าน ถือว่าเป็นไปตามที่ได้พูดคุยกันระหว่าง 7 พรรค โดยมีการเสนอสาระสำคัญเป็นไปตามที่ได้หารือกันไว้ก่อนหน้านี้ แต่ในส่วนของรัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถือว่าตอบไม่ตรงคำถาม และไม่ได้ให้ความสนใจกับรัฐธรรมนูญเลย เหมือนที่ก่อนหน้านี้เมื่อสมัยมีมาตรา 44 ก็ใช้มาตรา 44 เหนืออำนาจรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากนายกรัฐมนตรียังทำตามอำเภอใจลักษณะนี้อีก ก็จะเป็นหนึ่งเหตุผลสำคัญที่จะทำให้ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี
ส่วนการชี้แจงประเด็นการแถลงนโยบายโดยไม่แสดงงบประมาณนั้น น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีก็ตอบไม่ชัดเจน ดังนั้น 7 พรรคฝ่ายค้านจึงเตรียมพิจารณายื่นเรื่องต่อประธานสภาฯ เพื่อส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตรวจสอบมาตรฐานทางจริยธรรมของนายกรัฐมนตรี โดยในวันที่ 21 กันยายนนี้ จะมีการจัดงาน 7 พรรคฝ่ายค้านพบประชาชนที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งจะมีแกนนำแต่ละพรรคร่วมในการพูดคุยกับประชาชน ก็จะอาศัยโอกาสดังกล่าวหารือถึงแนวทางการเดินหน้ายื่นเรื่องร้องต่อ ป.ป.ช.ด้วย แต่ระหว่างที่รอความชัดเจนเรื่องนี้ พรรคการเมืองแต่ละพรรคยังสามารถยื่นเรื่องเสนอในนามของพรรคตัวเองได้ด้วย
ด้านนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ฝ่ายค้านจะปรึกษาหารือและพิจารณาข้อกฎหมายอีกครั้งว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไรได้หรือไม่ กรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้ชี้แจงประเด็นถวายสัตย์ฯ แต่สำหรับประเด็นเรื่องการแถลงนโยบายโดยไม่แสดงงบประมาณนั้น ฝ่ายค้าน ยืนยันเดินหน้าดำเนินการต่อแน่นอน เพื่อตรวจสอบมาตรฐานทางจริยธรรมของนายกรัฐมนตรี โดยจะมีการหารือร่วมกันเพื่อยื่นเรื่องในนามของ 7 พรรคฝ่ายค้านร่วมกัน
นายสุทิน กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันจะพิจารณาดูการอภิปรายงบประมาณที่จะมีขึ้นในกลางเดือนตุลาคมนี้ว่ารัฐบาลจะชี้แจงเหตุและผลการใช้จ่ายเงินงบประมาณอย่างไร และดูการทำงานของรัฐบาลควบคู่ไปด้วย ซึ่งหากพบว่ารัฐบาลไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะปัญหาปากท้องของประชาชน ก็เตรียมจะขออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทันทีที่เปิดสมัยการประชุมสภาฯ.-สำนักข่าวไทย