กรุงเทพฯ 12 ส.ค.-นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า ขณะนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ได้มีการกำชับให้ทุกส่วนงานด้านความมั่นคงที่ดูแลด้านความปลอดภัยในพื้นที่ ทสภ. ทั้งหน่วยทหาร ตำรวจ อาทิ สถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตำรวจท่องเที่ยว และ กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 21 รักษาพระองค์ และฝ่ายรักษาความปลอดภัย ทสภ. เพิ่มความเข้มงวดในการดำเนินงานตามมาตรการการรักษาความปลอดภัย ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับ 3 โดยให้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสาร ผู้ปฏิบัติงาน และผู้มาใช้บริการ ณ ทสภ. เป็นสำคัญ
โดยให้เจ้าหน้าที่ชุดตรวจผสม พร้อมด้วยสุนัขตรวจพัสดุภัณธ์ระเบิดหรือ K 9 เพิ่มความถี่ในการเดินเท้าตรวจตราพื้นที่ต่างๆภายในอาคารผู้โดยสารทั้งในส่วนขาเข้าและขาออก และเพิ่มความเข้มงวดการตรวจบริเวณพื้นที่หน้าชานชาลาอาคารผู้โดยสาร โดยให้คอยสอดส่องดูแลกับการตรวจตราสิ่งของหรือสัมภาระที่หลงลืม
นอกจากนี้ ยังกำชับให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดในการตรวจสอบเหตุการณ์ต่างๆ ใน ทสภ. ด้วยกล้องวงจรปิด เพื่อคอยสังเกตุยานพาหนะหรือบุคคลต้องสงสัย โดยให้มีการประสานงานด้านการข่าวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ทหาร และตำรวจในพื้นที่อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้นปฏิบัติตามมาตราการอย่างเคร่งครัด โดยให้เพิ่มการสุ่มตรวจค้นบุคคล กระเป๋าและสัมภาระของผู้โดยสาร สำหรับพื้นที่ด้านนอกอาคารผู้โดยสาร นอกจากจะได้มีการสนธิกำลังกับทหารและตำรวจในการตั้งจุดสกัดบริเวณถนนทางเข้า – ออก รอบพื้นที่ ทสภ. แล้ว ยังได้มีการเพิ่มวงรอบในการตรวจตราพื้นที่โดยการเดินเท้าและรถสายตรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบตระเวนตรวจพื้นที่โดยรอบ ทสภ. และ อาคารสำนักงานต่างๆ ด้วยเช่นกัน สำหรับในส่วนของยานพาหนะได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบยานพาหนะทุกคันที่จะเข้าไปจอดในอาคารจอดรถยนต์ด้วย
นายศิโรตม์ฯ กล่าวต่อว่า เพื่อความปลอดภัย และการให้บริการ ณ ทสภ. เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ ขอความร่วมมือผู้โดยสารและผู้ใช้บริการท่าอากาศยานปฏิบัติตามมาตรการการรักษาความปลอดภัยของ ทสภ. หากพบเห็นเหตุการณ์ ผิดปกติ สิ่งของต้องสงสัย หรือบุคคลที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่ รักษาความปลอดภัย หรือเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานที่อยู่ในบริเวณนั้นทันที หรือที่ AOT Center โทร. 1722 หรือศูนย์รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โทร. 0 2132 4000 ตลอด 24 ชั่วโมง-สำนักข่าวไทย